ผู้เขียน | สมหมาย ปาริจฉัตต์ |
---|
พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีอีก 5 ราย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
การอภิปรายจะเกิดขึ้นวันไหน ใช้เวลากี่วัน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของรัฐบาลจะแจ้งไปยังคุณชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้วิปของพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกัน
หากเกิดขึ้นจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ กับอีก 9 รัฐมนตรีผ่านความไว้วางใจไปได้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
คราวนี้ข้อกล่าวหาของพรรคร่วมฝ่ายค้านดุเดือด ร้อนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน ถึงขั้นระบุว่า มีพฤติการณ์ค้าความตาย โอหัง คลั่งอำนาจ จน พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับสะท้อนความคิดออกมาว่า “แรงเกินไปหรือเปล่า”
ถ้อยคำในญัตติซักฟอกแรงเกินไปหรือไม่ ความเห็นของผู้ติดตามเกมการเมืองมองต่างกันออกไป แล้วแต่จุดยืนของแต่ละคนว่าให้น้ำหนักกับฝ่ายไหนมากกว่ากัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
สาระสำคัญอยู่ที่เนื้อหาของข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านกระทำต่อ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรี ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่ และมีเหตุผลรองรับน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงไร ตรงนี้ต่างหากเป็นคำตอบว่าคำกล่าวหาแรงไปหรือไม่
นั่นเป็นเรื่องระหว่างข้อกล่าวหา กับข้อเท็จจริง ความจริง
ขณะที่ความเป็นจริงของการเมืองมีสองด้านอีกเช่นกัน คือ การเมืองสุจริต เป็นธรรม ยึดถือความจริง เหตุและผลเป็นหลักในการตัดสินใจ กับการเมืองไม่สุจริต ไม่เป็นธรรม ยึดกฎ กติกา มารยาททางการเมือง คะแนนนิยมและจำนวนมือ ส.ส.ใครมีมากกว่าป็นหลัก มาก่อนความจริงที่แท้
การลงมติในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่สองนี้ก็เช่นกัน ทำนายผลล่วงหน้าก่อนได้เลยว่า การเมืองที่ยึดกติกา มารยาท มาก่อนการเมืองแห่งความจริงอีกเช่นเคย
แนวโน้มที่ว่านี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็รู้และประเมินได้ว่าแม้จะกล่าวหาโจมตี ขุดคุ้ยความจริง โชว์หลักฐานแฉกลางสภามีน้ำหนักขนาดไหน ถึงอย่างไรพรรคร่วมรัฐบาลก็จะกอดคอเทคะแนนเสียงให้กัน เพื่ออยู่ร่วมเป็นรัฐบาลต่อไปวันยังค่ำ หนทางที่ฝ่ายค้านจะเอาชนะคะแนนฝ่ายรัฐบาลจึงเป็นไปได้ยาก
ด้วยเหตุนี้การใช้ถ้อยคำในญัตติและอภิปรายอย่างดุเดือด แสดงหลักฐานที่มีน้ำหนัก เพื่อสร้างรอยปริร้าวหวาดระแวงระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันจึงเป็นช่องทางที่อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงตามมา ประกอบกับปัจจัยหนุนจากแรงกดดันของกลุ่มพลังการเมืองภายนอกสภาซึ่งเคลื่อนไหวชุนนุมประท้วง ขับไล่มาอย่างต่อเนื่อง
รอยปริร้าวอาจเกิดขึ้นจากคะแนนไว้วางใจ ไม่ไว้วางใจ งดออกเสียง ลักลั่น ต่างกันอย่างผิดสังเกต ระหว่างรัฐมนตรีแต่ละคน แต่ละพรรค ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในการลงมติเมื่อครั้งก่อน จนกลายเป็นรอยร้าวระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคพลังประชารัฐ แกนนำ
ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ หญิงล้วน 6 คน นำโดย นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ งดออกเสียงในญัตติไม่ไว้วางใจนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ทำให้พรรคภูมิใจไทยไม่พอใจอย่างมากและกดดันให้พรรคพลังประชารัฐลงโทษ ส.ส.กลุ่มนี้ รอยร้าวยังปรากฏให้เห็นเป็นระยะ จากท่าทีของ ส.ส.พรรคภูมิใจไทยในการประชุมสภาวาระต่างๆ เรื่อยมา
ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีชื่อนายศักดิ์สยามติดอันดับเช่นเคย จากข้อกล่าวหาเชื่อมโยงไปถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะเป็นเนื้อหาหลักที่พรรคร่วมฝ่ายค้านนำขึ้นมาเล่นงาน พล.อ.ประยุทธ์อย่างหนักหน่วงแน่นอน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมถูกกล่าวหาว่าประพฤติตัวไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมโรค เข้าไปในแหล่งอบายมุขจนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน
ภาพการดื่มกิน เฮฮา ปาร์ตี้ ในผับย่านซอยทองหล่อ ถนนสุขุมวิท ที่เคยถูกแพร่กระจายไปทั่วในสื่อสังคมออนไลน์ จะถูกฉายขึ้นจอกลางเวทีประชุมสภาเพื่อซ้ำรอยแผลเดิมอีกหรือไม่ ต้องรอติดตาม
ที่แน่ๆ เป็นยุทธวิธีทำให้คะแนนเสียง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลแตกออกเป็นสองเสี่ยง สามเสี่ยง
ส.ส.หญิงกลุ่มดาวฤกษ์เคยแสดงบทหน่วยกล้าตาย ยึดความจริงเป็นหลักเมื่อการลงมติครั้งที่แล้ว คราวนี้จะตอบสังคมว่าอย่างไร ถ้ากลายเป็นแมวเซื่องๆ จำนนต่อกติกาและมารยาททางการเมือง เพราะอยากอยู่เป็นฝ่ายรัฐบาลต่อ
ขณะที่ตัวเลขคนป่วยและคนตายจากไวรัสโควิด-19 ยังพุ่งไม่หยุดจนถึงวันนี้ วันที่มาตรการประชาธิปไตย การอภิปรายไม่ไว้วางใจใช้การไม่ได้เท่าที่ควรกับนักการเมืองกลืนน้ำลาย
สมหมาย ปาริจฉัตต์