ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
วันที่ 31 สิงหาคมถึงวันที่ 3 กันยายน ที่รัฐสภา สภาผู้แทนราษฎรมีวาระการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
โหวตวันที่ 4 กันยายน
รัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
แม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 กำลังลดความร้อนแรง แต่เมื่อแลดูญัตติการไว้วางใจครั้งนี้แล้ว
ยังคงน่าติดตาม
พิจารณาจากข้อกล่าวหาที่พรรคฝ่ายค้านยื่นมา แบ่งออกเป็นความบกพร่องด้านการบริหาร และพฤติกรรมที่ส่อทุจริต เอื้อประโยชน์พวกพ้อง
สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องการบริหาร มีอาทิ ไร้ความสามารถ จนทำให้เกิดความเสียหาย
ประชาชนเสียหาย ประเทศชาติเสียหาย
ขณะที่ข้อกล่าวหาเรื่องพฤติกรรมส่อทุจริตนั้นมีหลากหลาย
อาทิ แสวงหาผลประโยชน์จากการจัดการวัคซีน และกระจายวัคซีน แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานที่อยู่ในกำกับดูแล
รู้เห็นและปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการประมูล ส่อว่าจงใจและมีผลประโยชน์ทับซ้อน
เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในการเรียกรับผลประโยชน์จากโครงการของหน่วยที่อยู่ในกำกับดูแล จงใจเบียดบัง
เอาทรัพยากรของชาติไปให้พวกพ้อง
ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างความแตกแยก มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประเทศชาติ และประชาชน
ข้อหาเหล่านี้ล้วนหนักหนาสาหัส
แม้สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 หรือโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะผ่านการอนุมัติ หรือดำเนินการสำเร็จไปแล้ว
แต่หากรัฐมนตรีมีพฤติกรรมดังที่ถูกกล่าวหาจริง
รัฐมนตรีคนนั้นก็คงอยู่ลำบาก
แม้เสียงในสภาจะโหวตให้ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ถ้าหลักฐานข้อมูลบ่งชี้ชัดว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเชื่อถือได้
รัฐมนตรีคนนั้นก็อยู่ลำบาก
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จึงให้ความสำคัญที่ข้อมูลทั้งฝ่ายกล่าวหาและฝ่ายชี้แจงตอบโต้ข้อกล่าวหา
โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการทุจริต และผลประโยชน์นั้น
เชื่อว่าคนไทยรอฟัง
ยิ่งเป็นข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริต และผลประโยชน์ คนไทยยิ่งรอฟัง
ถ้าหลักฐานข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตและเรื่องผลประโยชน์ออกมาชัดแจ้ง
รัฐมนตรีก็เข้าสู่จุดดับ
แต่หากหลักฐานข้อมูล ฟังแล้วเชื่อถือได้ยาก สู้ข้อโต้แย้งของรัฐมนตรีไม่ได้
ฝ่ายค้านก็อับเฉา
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ทั้งฝ่ายรัฐมนตรี และฝ่ายค้าน ต้องทำการบ้านอย่างหนัก
เพราะญัตติกล่าวหานั้นรุนแรงและสาหัส
ใครผิดพลาดบกพร่อง ทุกอย่างจะปรากฏต่อสายตาประชาชน
ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 31 สิงหาคมถึง 3 กันยายน
และลงมติวันที่ 4 กันยายน
อยากให้ทุกคนติดตาม แล้วจะได้เห็นร่วมกันว่าอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้
ใครรอด-ใครร่วง
นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]