พลังบีบ การเมือง ต่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากกรณี เปิดเมือง

คอลัมน์หน้า 3 : พลังบีบ การเมือง ต่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากกรณี เปิดเมือง

คอลัมน์หน้า 3 : พลังบีบ การเมือง ต่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากกรณี เปิดเมือง

ไม่ว่าการปิดบ้าน ปิดเมือง เมื่อเดือนมีนาคม 2563 ไม่ว่าการเปิดบ้าน เปิดเมืองนับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไป

ย่อมมีทั้ง “รายรับ” และ “รายจ่าย”

โดยพื้นฐานอย่างที่สุด เมื่อตัดสินใจ “ล็อกดาวน์” เมืองโดยเริ่มจากกรุงเทพมหานครในเดือนมีนาคม 2563

ด้านหลัก คือความห่วงในเรื่อง “โควิด” จะแพร่ระบาด

Advertisement

ขณะเดียวกัน ผลสะเทือนอันตามมาก็คือ เมื่อมีการปิดเมืองก็ส่งผลสะเทือนนำไปสู่การปิดงาน เลิกจ้าง ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก คนตกงาน

ผลเสียที่ตามมา คือในทาง “เศรษฐกิจ” ชีวิต ความเป็นอยู่

ปฏิกิริยาอันเป็น “ลูกโซ่” ก็คือ เมื่อแรงกระทบในทาง “เศรษฐกิจ” แผ่ออกไปอย่างไพศาล ก็ก่อให้เกิดแรงกดดันในทางการเมือง

Advertisement

นำไปสู่ความจำเป็นต้อง “เปิดเมือง” ขึ้นมา

ต้องยอมรับว่า รัฐบาลตกอยู่ในสภาวะจำเป็นต้อง “เปิดเมือง” เนื่องจากแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยทางด้าน “เศรษฐกิจ”

โดยเฉพาะเศรษฐกิจ “การท่องเที่ยว”

เพราะหากอยู่ในสภาพ “ปิดบ้าน ปิดเมือง” อย่างที่เห็นและเป็นอยู่ก็ก่อให้เกิดสภาพหยุดชะงักในเรื่องการเดินทางไป เดินทางมา

จึงต้องมีการทดลองผ่าน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” และ “สมุย พลัส”

กระนั้น เมื่อตัดสินใจ “เปิดบ้าน เปิดเมือง” ก็จำเป็นต้องประสบเข้ากับผลสะเทือนอันเป็นความเสี่ยงเป็นอย่างสูง

1 เสี่ยงจาก “โควิด” 1 เสี่ยงจาก “โลก” ไม่เป็นใจ

ที่จะหวังให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวน “ล้าน” หรือ “40 ล้าน” เหมือนในอดีต ริบหรี่เป็นอย่างยิ่ง เพราะแม้แต่ “จีน” ก็ละล้าละลัง

ขณะเดียวกัน ยังมีผล “ข้างเคียง” ตามมา

ผลข้างเคียงอันเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด อาจสำทับด้วยการเร่งฉีด “วัคซีน” แต่ผลข้างเคียงอีก 1 คือผลทางการเมือง

ทำให้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นไปมีความล่อแหลม

ทุกผลข้างเคียงไม่ว่าในด้าน “เศรษฐกิจ” ไม่ว่าในด้าน “สุขภาพ” ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

กลายเป็น “เดิมพัน” ในทาง “การเมือง”

เป็นเดิมพันอันมากด้วยความเสี่ยงเป็นอย่างสูง เนื่องจากดำรงอยู่บนฐานแห่งความขัดแย้งและแตกแยก “ภายใน” ของรัฐบาล

ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พรรคพลังประชารัฐ

ขณะเดียวกัน ความไม่พอใจที่เกิดขึ้นและกรุ่นอยู่นับแต่มีการยุบพรรคอนาคตใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ก็เติบใหญ่และขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง

เดือนพฤศจิกายน เดือนธันวาคม จึง “ร้อนแรง”

ความร้อนแรงนี้ ด้านหนึ่ง ดำรงอยู่ในความขัดแย้งแตกแยกและสัประยุทธ์กันเอง “ภายใน” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ด้านหนึ่ง ความแข็งแกร่งเป็นเอกภาพของฝ่ายค้าน

ไม่ว่าจะเป็นจัดขบวนใหม่ของพรรคเพื่อไทยพร้อมกับการมาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าของพรรคก้าวไกลของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ขณะที่เสียงตะโกน “ออกไป ออกไป” ดังกึกก้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image