บทนำหนังสือพิมพ์มติชน : แนวโน้มโอมิครอน

บทนำ : แนวโน้มโอมิครอน

บทนำ : แนวโน้มโอมิครอน

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโอมิครอนจำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามว่า แนวโน้มจะเป็นอย่างไร มากขึ้นหรือลดลง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขชี้แจงฉากทัศน์การระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีนาคมนี้โรคจะเข้าสู่ระดับระนาบและค่อยๆ ลดลง ผู้ป่วยอาการรุนแรงจะขึ้นบ้างเล็กน้อย อาจถึงระดับ 1,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าเชื้อเดลต้าที่พบถึง 6,000-7,000 ราย ดังนั้น มั่นใจว่าระบบสาธารณสุขดูแลได้ ขณะที่ ฉากทัศน์ผู้ใส่ท่อช่วยหายใจ คาดว่า หากติดเชื้อเพิ่มขึ้น ก็จะพบสูง 400-500 ราย แต่น้อยกว่าเชื้อเดลต้าที่พบมากถึง 1,300 ราย ซึ่ง สธ.พยายามดูแลผู้ป่วย เพื่อลดการเสียชีวิต ส่วนฉากทัศน์ผู้เสียชีวิต คาดว่าจะเพิ่มตามจำนวนผู้ติดเชื้อ และค่อยๆ ลดลง โดยคาดว่าจะเฉลี่ยวันละ 50 ราย ไม่มากไปกว่านี้ แล้วค่อยๆ ลดลงตามอัตราติดเชื้อ การคาดการณ์ผู้ติดเชื้อนั้น คาดว่าจะมีมากขึ้น แต่อัตราป่วยหนัก เสียชีวิต จะพยายามดูแลให้มีคุณภาพ เพื่อไม่ให้ป่วยมากขึ้น

ส่วน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า สายพันธุ์โอมิครอนที่มีการระบาดในยุโรปและอเมริกา ช่วงที่ผ่านมา พบว่าจะมีการระบาด 1-2 เดือน แล้วค่อยๆ ลดลง ดังนั้น ประเทศไทยเริ่มสูงขึ้นใน 2 สัปดาห์ จึงคาดว่าจะสูงต่อเนื่องอีก 2-6 สัปดาห์ ทั้งนี้ ขึ้นกับมาตรการต่างๆ ที่มีด้วย ต่อมาคือ เชื้อโอมิครอนจะติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ผู้ติดเชื้อจะมีอาการจมูกและคอมาก เช่น เจ็บคอ อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการรักษา 200,000 กว่าราย พบว่าอาการปอดอักเสบเพียงร้อยละ 0.45 ใส่ท่อช่วยหายใจ ร้อยละ 0.13 ขณะที่ สายพันธุ์ย่อย BA.2 แพร่เร็วกว่า BA.1 เล็กน้อยแต่ความรุนแรงไม่ต่างกัน

แนวโน้มจากคำชี้แจงของตัวแทนกระทรวงสาธารณสุข ก็คือ การระบาดจะรุนแรงไปอีกระยะหนึ่ง ประมาณ 2-6 สัปดาห์ แล้วจะค่อยๆ ลดลง ดังที่เกิดขึ้นในสหรัฐ และยุโรป จากล้านราย ลดลงเป็นแสนรายแล้วค่อยๆ ลดลง แต่ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ขึ้นกับมาตรการต่างๆ ที่ใช้รับมือ และการฉีดวัคซีนป้องกัน ประเด็นสำคัญ คือ ความรุนแรงของโอมิครอน จะน้อยกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดก่อนหน้านี้ ซึ่งในภาพรวม มีความน่าหนักใจ แต่น่าจะสามารถรับมือได้ ด้วยมาตรการต่างๆ และการเร่งระดมฉีดวัคซีนอย่างจริงจังต่อไป ซึ่งหากทำได้ จะหมายถึงโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image