ที่เห็นและเป็นไป : เชื่อใน‘สิ่งที่เป็น’มากกว่า‘ที่พูด’

ที่เห็นและเป็นไป : เชื่อใน‘สิ่งที่เป็น’มากกว่า‘ที่พูด’

ที่เห็นและเป็นไป : เชื่อใน‘สิ่งที่เป็น’มากกว่า‘ที่พูด’

วันอาทิตย์หน้าที่จะถึงใน 7 วันจากนี้ จะรู้กันแล้วว่า “ใครจะเป็นผู้ว่าราชการ กทม.” คนใหม่

การหาเสียงมาอย่างยาวนานของผู้สมัครแต่ละคนดูเหมือนจะนำเสนอกันหมดทุกแง่ทุกมุมแล้วว่าถ้าได้รับเลือกตั้งเข้ามามีตำแหน่ง ใครจะบริหาร กทม.ด้วยความคิดอย่างไร แบบไหน

ที่เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนน่าจะมีข้อมูลอยู่แล้ว หรือใครที่ยังไม่มี ใครที่อยากทบทวนแนวคิดของผู้สมัครแต่ละคนในเรื่องใดเรื่องหนึ่งสามารถค้นดูในสื่อออนไลน์ได้เสมอ น่าจะครบถ้วน และจากที่ฟังการดีเบตในช่วงหลังๆ คำถามและคำตอบของผู้สมัครแต่ละคนดูจะไม่มีอะไรใหม่

Advertisement

ช่วงท้ายของการหาเสียงที่ตัวเก็งแต่ละคนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ก็เช่นเดียวกัน นอกจากการจัดตั้งกะเกณฑ์คนมาฟังให้เห็นภาพของแฟนคลับแล้ว ไม่มีอะไรมากขึ้นโดยเฉพาะเนื้อหาสาระเริ่มซ้ำไปซ้ำมา ตอกย้ำความคิดที่ต้องการขายเดิมๆ ให้ได้รับรู้ซ้ำๆ เท่านั้น

ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่คูหากาบัตรนี้ เหมือนกับการแข่งขันจะเข้าสู่โหมดของการทำลายคู่ต่อสู้ ข้อมูลของคู่แข่งในทางสร้างความเสียหายเริ่มถูกขุดค้น และส่งเข้ามาเผยแพร่ความรับรู้ของผู้คนอย่างเข้มข้น บางเรื่องใส่ร้าย ป้ายสีกันอย่างน่าเกลียด

โดยสรุปแล้ว ถึงวันนี้ข้อมูลของผู้สมัครแต่ละคนในความรับรู้ของประชาชนน่าจะเพียงพอต่อการตัดสินใจว่าจะเลือกใครแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถ้าเลือกกันด้วยข้อมูล ความคิดความอ่าน วิธีการจัดการปัญหาของ กทม.ของผู้สมัครแต่ละคนนั้น เอาเข้าจริงเมื่อฟังทั้งหมดแล้วทุกคนมีความเชื่อมั่นทั้งนั้นว่าจัดการได้ และในความคิดความอ่านของแต่ละคนที่สำเสนอกันมานั้น หากได้ทำจริง ไม่ว่าจะเป็นใคร เชื่อว่าชีวิตของคน กทม.น่าจะดีขึ้น ในทางใดทางหนึ่งตามความถนัดของแต่ละคน

ดังนั้น คำถามที่ทุกคนจะต้องมีคำตอบก่อนไปกาบัตรคือ “ใคร หรือผู้สมัครคนใดที่เชื่อได้ว่าจะทำจริง” หมายถึง “แค่สร้างความเชื่อด้วยคำพูด” เท่านั้น

จะตอบคำถามนี้ได้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนจะต้องไม่เพียงแค่มองผู้สมัครแต่ละคนด้วยข้อมูลที่นำเสนอกันอยู่ในปัจจุบันเท่านั้น แต่ควรจะมองไปถึงความเป็นมา และอะไรต่ออะไรที่แวดล้อม มีอิทธิพลต่อความคิด ต่อการกระทำของว่าที่ผู้ว่าฯกทม.แต่ละคนด้วยว่า เมื่อได้มาทำหน้าที่จริงแล้วจะสามารถทำได้อย่างที่พูดหรือไม่

ต้องมองให้เห็นว่า ใครหรืออะไรที่อยู่เบื้องหลังผู้สมัครแต่ละคน ที่ผ่านมาผู้คน และสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมีแนวโน้มพฤติกรรมไปในทางใด เคารพสิทธิของประชาชนแค่ไหน ดำเนินชีวิตและกิจการเพื่อส่วนตัวและพวกพ้องหรือเพื่อส่วนรวม อยู่ในกรอบในบงการ หรืออิทธิพลของความคิดแบบไหน

ผู้สมัครที่เคยเป็นมาอย่างไร การจะหลุดออกจากกรอบความเป็นมาอย่างนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ใครที่อยู่ภายใต้กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมแบบไหนย่อมยาก หรือมีอุปสรรคที่จะไม่เป็นแบบนั้น

อุปนิสัยที่หล่อหลอมมา กับสภาพแวดล้อม และผู้ที่มีอิทธิพลต่อความคิด เอาเข้าจริงน่าจะเป็นคำตอบว่าผู้สมัครแต่ละคนจะสร้างผลงานที่เป็นประโยชน์กับ กทม.ได้แค่ไหน มากเสียงกว่าคำพูดที่เกิดจากความคิดที่ใช้ในการหาเสียง เรียกคะแนนนิยมเสียด้วยซ้ำ

เนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็น ให้รู้ ให้ประสบมากมายว่า “คนเรานั้นเป็นอย่างไรในอดีต ถูกครอบงำจากอะไร จะยังเป็นเช่นนั้น มากกว่าที่พูด และสัญญาว่าจะทำ”

สุชาติ ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image