ที่เห็นและเป็นไป : สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ที่เห็นและเป็นไป : สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

ที่เห็นและเป็นไป : สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง

และแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็พูดถึง “สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง”

เมื่อนายกรัฐมนตรีรำพึงถึง “ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามสายลม” อันให้ความหมายไปในทางความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามวิถีแห่งธรรมชาติ

ถึงเวลาที่ความเปลี่ยนแปลงจะต้องเกิดขึ้นด้วยเงื่อนไขที่ประกอบกันขึ้นและถึงเวลาที่จะส่งผลให้เป็นไป

Advertisement

อาจเลยไปถึงการชี้ให้เห็นความจำเป็นต้องเข้าใจว่าจะต้องยอมรับว่าการหยุดยั้ง ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามสายลมนำพามานั้นเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติ

แม้จะคาดเดาได้ยากว่า “พล.อ.ประยุทธ์” พูดถึงเรื่องนี้ด้วยอารมณ์ไหน แต่ผู้ฟังย่อมรู้สึกเหมือนๆ กันว่ามีการรับรู้ถึงการปรากฏของกระแสความเปลี่ยนแปลงแล้ว

และจากนี้ย่อมขึ้นอยู่กับการจัดการกับความเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างไร

Advertisement

จะตั้งหน้าตั้งตาคิดหาวิธีต่อต้านขัดขวางความเปลี่ยนแปลง หรือจะปรับตัวเพื่อกลมกลืนไปกับสายลมนั้น ด้วยสติปัญญาที่เหมาะสมกับการเกิดความคิดนำพาการพัฒนาประเทศไปตามความเปลี่ยนแปลง

“สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง” ที่ “พล.อ.ประยุทธ์” เริ่มเกิดความรับรู้ว่ามีอยู่ และกระทบต่อการพัฒนาประเทศนี้ ดูเหมือนว่าพรรคการเมืองบางพรรคไม่ใช่แค่รับรู้มาเนิ่นนานแล้วเท่านั้น แต่ยังส่งเสียงเตือนมาตลอดว่าผู้มีอำนาจจะต้องยอมรับ และหาทางปรับตัวเพื่อเคลื่อนไปด้วยกันอย่างรู้เท่าทันในเหตุและผลของความเปลี่ยนแปลง นำพาประเทศให้ก้าวรุดไปข้างหน้า อย่างมงายอยู่ในความเคยชินเก่าๆ และปล่อยประเทศถอยหลังเข้าคลองหลุดไปในถ้ำ

แต่เสียงเตือนจากพรรคการเมืองที่เห็นก่อน เหมือนที่ผ่านมาจะไม่มีความหมายอะไร

ความเชื่อมั่นในอำนาจ ไม่ได้เกิดจากความตระหนักรู้ว่าเป็นผู้เข้าใจชีวิตประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกระแสความเปลี่ยนแปลง

โลกเคลื่อนไปในความแปรเปลี่ยนของเรื่องราวต่างๆ อย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างรุนแรง จนหลายอาชีพล้มลงโดยไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดพลาด

รัฐบาลก็เช่นกัน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง มาตรการรับมือเป็นไปอย่างโกลาหล ส่งผลต่อความถดถอยในสถานะของประเทศในหลายด้าน แต่ที่ผู้มีอำนาจเห็นมีแค่หาทางรักษาอำนาจของตัวเองไว้ ไม่มีความสามารถที่จะมองไปถึงความสิ้นหวังที่จะเกิดขึ้นกับอนาคตของคนรุ่นหลังได้

พรรคการเมืองส่วนใหญ่ยังเดินหน้าพึ่งพา “นักเลือกตั้ง” ซึ่งหมายถึงผู้เชี่ยวชาญในวิธีการทำให้ “ชนะเลือกตั้ง” เก่งในการวางเกมเพื่อ “มีคะแนนมากกว่า” และ “รวบรวม ส.ส.ได้เยอะกว่าในการแข่งกันเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล”

หักเหลี่ยมเฉือนคมในเกมช่วงชิงอำนาจ โดยไม่เลือกวิธี

ส่วนใหญ่เป็นชัยชนะด้วยวิธีการเก่าๆ ที่ทำให้ภาพของ “นักการเมือง” คือความเลวร้าย

มีพรรคการเมืองบางพรรคเท่านั้นที่พยายามนำเสนอความรู้ความสามารถ เสนอมุมมองอนาคตที่เห็นความเปลี่ยนแปลง และวิธีการที่จะขับเคลื่อนชีวิตประชาชนให้สอดคล้อง กลมกลืน และมีความหวังกับการเปลี่ยนแปลงนั้น

ประเทศที่อำนาจไม่ได้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

การเลือกของประชาชนเป็นเพียงส่วนเสี้ยวในการควบคุมอำนาจ เนื่องจากอำนาจของคนบางกลุ่มมีอิทธิพลต่อการควบคุมการได้มาซึ่งอำนาจมากกว่า

อำนาจประชาชนเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อให้เกิดความชอบธรรม ไม่ได้เป็นความเชื่อมั่นของพรรคการเมืองส่วนใหญ่ว่าจะบันดาลวาสนาในอำนาจให้ได้จริง

นักการเมืองไทยแสดงให้เห็นคุณค่า “อำนาจประชาชน” ด้วย “สำนึกที่จอมปลอม” มาตลอด จนกลายเป็นเรื่องปกติ

แต่ที่แย่กว่านั้นคือ “ประชาชน” เอง แทนที่จะตระหนัก และเชื่อมั่นในอำนาจตัวเอง กลับพร้อมที่จะร่วมมือกับ “นักการเมืองสำนึกประชาธิปไตยจอมปลอม” นั้น อย่างไม่รู้สึกว่าเป็นการหมิ่นแคลนตัวเอง

ด้วยเหตุนี้ “นักการเมือง” ที่เชื่อมั่นว่า “กติกาดีไซน์มาเพื่อพวกเรา-กลไกของอำนาจที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนมีประโยชน์ต่อการเข้าสู้อำนาจมากกว่า-คะแนนนิยมไม่จำเป็นต้องได้มาด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือศรัทธา ขอเพียงแค่ฝึกฝนเกมช่วงชิงคะแนนให้เชี่ยวชาญ โดยไม่ต้องเลือกวิธีการว่าเลวร้ายต่อการอยู่ร่วมกันอย่างแฟร์ๆ แค่ไหน” จึงประสบความสำเร็จในการเข้ายึดกุมอำนาจมากกว่า

ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นมาครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ขณะเดียวกัน “ความสำเร็จของวัฒนธรรมการเมืองแบบนี้” ได้พิสูจน์ให้เห็นเช่นกันว่าได้นำพาความเสื่อมทรุดมาให้ประเทศชาติและชีวิตประชาชน

“สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง” แสดงให้เห็นหายนะอันเกิดจาก “สำนึกทางการเมืองแบบเก่า” ชัดเจนยิ่งขึ้น

วันนี้ ด้วยสติปัญญาอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สัมผัสและรับรู้ถึง “สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง” นั้นแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เชื่อว่าน่าจะไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง ของคนอื่นๆ ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ประชาชนทุกระดับชั้นจะสัมผัส รับรู้ และเข้าใจ “สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลง”

พร้อมกับเกิดสติปัญญาว่า จะขับเคลื่อนชีวิตและมีส่วนร่วมกับประเทศชาติอย่างไร เพื่อรับธรรมชาติความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ต่อต้าน ขัดขวาง หาทางทำลายล้าง

หรือเปิดรับ เคลื่อนร่วมอย่างสอดคล้อง กลมกลืน เพื่ออาศัยความเปลี่ยนแปลงให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนามากที่สุด

ประชาชนทุกคนเลือกตั้ง ด้วยแค่ศึกษาและอ่านให้ออกว่า นักการเมืองคนไหนมีสำนึกแบบไหน

และเลือกคนในแบบที่เชื่อว่ามีสติปัญญาจะนำพาประเทศไปสู่หนทางที่ดีกว่า

เลือกให้เหมาะตามที่ต้องการใน “สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง”

สุชาติ ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image