สถานีคิดเลขที่12 : ปรากฏการณ์ สัปเหร่อ

สถานีคิดเลขที่12 : ปรากฏการณ์ สัปเหร่อ “ภาพยนตร์อีสานร่วมสมัย” เรื่อง “สัปเหร่อ”

“ภาพยนตร์อีสานร่วมสมัย” เรื่อง “สัปเหร่อ” ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายใน “จักรวาลไทบ้าน เดอะซีรีส์” กำลังทำเงินทั่วประเทศไปถึงหลัก 400 ล้านบาท

ถือเป็นผลงานที่สร้างรายได้สูงสุดของจักรวาลดังกล่าว และนับเป็นหนังไทยที่ประสบความสำเร็จสูงมากในยุคหลังโควิด

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ https://feedforfuture.co/ เพิ่งมีโอกาสได้สัมภาษณ์ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ หรือ “เสี่ยโต้ง” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ และโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ ซึ่งมีอีกสถานภาพหนึ่ง เป็นผู้อำนวยการสร้างหนังใน “จักรวาลไทบ้าน”

สิริพงศ์ยอมรับว่า จาก “ไทบ้าน เดอะซีรีส์ ภาคแรก” เมื่อปี 2560 มาถึง “สัปเหร่อ” ในปี 2566 หนังในจักรวาลนี้เดินทางมาไกลมาก

Advertisement

“ไทบ้านแรกๆ มันก็เป็นหนังตลกธรรมดา สะท้อนแค่วิถีชีวิต แต่ข้อคิดอะไรมันอาจจะไม่ได้เยอะ มันอาจจะไม่ได้คมคายมากมายนัก และมันก็ค่อยๆ คมขึ้นทีละภาค ทีละภาค เริ่มมีบทเรียนเพิ่มขึ้นทีละภาค ทีละภาค จนมาเป็นภาคนี้ (สัปเหร่อ)

“แต่ว่านับถึงวันนี้ มัน 6 ปีครับ ถ้าเด็กเกิดใหม่ ตอนนี้ก็ ป.1 แล้ว ถ้าเกิดว่าเด็กเข้า ม.1 6 ปีนี่คือจบ ม.6 แล้ว ถ้าเรียนมหาวิทยาลัยคือเรียนจบทำงานแล้ว”

ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์รายนี้วิเคราะห์ด้วยว่า “สัปเหร่อ” เข้าถึงคนดูในวงกว้างกว่า 1 ล้านคน ได้ด้วยกระแสปากต่อปาก จากแฟนกลุ่มเดิมที่ตามดูหนังมาตั้งแต่ภาคแรกๆ ไปสู่ผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ

Advertisement

“ผมคิดว่าสังคมไทยเปิดกว้างมากสำหรับการดูหนัง โดยเฉพาะเป็นหนังภาษาถิ่น ผมคิดว่าตัวนี้มันช่วยได้เยอะ”

หลายคนอาจไม่เชื่อว่า จุดเริ่มต้นของ “จักรวาลไทบ้าน” เกิดขึ้นในค่ายดูดาวสำหรับเยาวชนที่จังหวัดศรีสะเกษ

“ตอนนั้น เด็กกลุ่มนี้ (ทีมทำหนังจักรวาลไทบ้าน) เขามาเข้าค่ายดูดาว มันมีฝนดาวตก แล้วผมก็จัดค่ายดูดาว เด็กกลุ่มนี้เขาก็มากัน 3-4 คน ก็ถามผม ตอนนั้น ผมเล่นกล้อง (แคนนอน) 5D Mark II เขาก็คงอยากดูกล้องผม แล้วก็บอกว่าเนี่ยจะถ่ายดาวตกถ่ายยังไง (ผม) ก็สอนเขา”

หลายปีผ่านไป คนรุ่นใหม่ในค่ายดูดาวเริ่มได้รางวัลจากการแข่งขันทำมิวสิกวิดีโอ และได้เข้าศึกษาต่อทางด้านภาพยนตร์ในระดับมหาวิทยาลัย แล้วในที่สุด พวกเขาก็มาหา “เสี่ยโต้ง” เพื่อขอเงินไปทำ “โปรเจ็กต์จบการศึกษา”

เริ่มแรก อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ พยายามเป็นคนกลางที่แนะนำคนรุ่นใหม่เหล่านี้ให้ได้รู้จักกับนายทุนตัวจริงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ทว่า กลับไม่มีนายทุนคนไหนเชื่อว่า “หนังไทบ้าน เดอะซีรีส์” จะประสบความสำเร็จ

“ปรากฏว่าก็มีเอ็มแอลเอ็ม (ธุรกิจขายตรง) เจ้าหนึ่ง มาบอกให้เขาทำ เขาก็บอกว่าไม่เอาไม่อยากทำ เพราะเขาไม่อยากให้ใครมาครอบความคิดเขา เขาบอกเอ็มแอลเอ็มเสนอเงินให้เขาห้าล้าน แต่เขาบอกสี่ล้านเขาทำได้

“เขาก็เลยบอกว่าผมจะเป็นนายทุนให้เขาได้ไหม? ผมก็บอกว่าผมไม่ได้มีธุรกิจนี้ แล้วผมก็ไม่อยากทำธุรกิจที่ผมไม่ชำนาญ…

“เราก็ต่อแบบเหมือนต่อรอง เขาบอกอยากได้ 4 บาท ผมก็ต่อไปว่า 2 บาท ได้ไหม? เขาบอกได้ครับ เฮีย เอาเลย”

ในที่สุด “หนังอีสาน” ที่เริ่มต้นด้วยเงินทุน 2 ล้านบาท ก็เติบโตแผ่ขยายกลายเป็นภาพยนตร์ที่สร้างรายได้หลายร้อยล้านบาท ณ ปัจจุบัน

“ถ้าพูดถึง ณ วันนี้ คนก็อาจจะบอกว่าเงินน้อย นิดเดียว ลงทุนดูซิ หนังมันดีขนาดนี้วันนั้น ที่ผมลงไป ไม่มีใครพูดแบบนี้เลย ทุกคนพูดเหมือนกันหมดว่า เอาเงินไปเผาไฟทิ้งเหรอ? ทุกคนพูดว่าเจ๊งแน่นอน”

สิริพงศ์เล่าถึงการตัดสินใจแหวกแนวคราวนั้น ที่นำมาสู่ปรากฏการณ์ “สัปเหร่อ” ตอนนี้

ปราปต์ บุนปาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image