ผู้เขียน | พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก |
---|
ทฤษฎี…หมาป่ากับลูกแกะ
ปลาย พ.ศ.2488 เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง…รัฐบาลไทยกล้ำกลืนฝืนใจ..ต้อง “ซื้อรางรถไฟ” สายกาญจนบุรี-พม่า ยอมจ่ายเงินให้กองทัพอังกฤษ ในขณะที่เมืองไทยประสบภาวะข้าวยากหมากแพง แร้นแค้นทุกหย่อมหญ้า
เส้นทางรถไฟสายมรณะ จากชุมทางหนองปลาดุก จ.ราชบุรี ที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์แรงงานเชลยศึกหลายหมื่นคนมาสร้าง ทหารญี่ปุ่นสุดโหดบังคับเชลยศึกสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแควจนสำเร็จ แม่ทัพญี่ปุ่นหมายจะนำกำลังทหารบุกเข้าไปในพม่าเพื่อไปรบกับอังกฤษ เชลยศึกทุกข์ทรมาน ทำงานหนัก ตายไปนับหมื่น ต่อมากลายเป็นเส้นทางรถไฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก
ในที่สุดญี่ปุ่นแพ้สงคราม..เกิดการเช็กบิลข่มขู่รัฐบาลไทย
อังกฤษ เป็นฝ่ายชนะสงคราม (เพราะอเมริกาช่วยยุโรปไว้) …เป็น “ปฏิปักษ์” กับท่าทีของรัฐบาลไทยที่ไป “เป็นมิตรกับญี่ปุ่น” จ้องจะเข้ามาปกครองแผ่นดินไทย เกิดการ “เรียกร้อง”
ค่าปฏิกรรมสงคราม แบบเอาเป็นเอาตาย แม้กระทั่งรางรถไฟที่อยู่ในดินแดนไทย ก็ขู่เข็ญจะขอเป็นเงิน แบบเรียกค่าไถ่ นำกำลังทหารจากอินเดียเข้ามาในไทย
นายป๋วย อึ๊งภากรณ์ ซึ่งกำลังศึกษาในระดับปริญญาโทในอังกฤษ ได้รับการแต่งตั้งเป็น “หัวหน้าเสรีไทยสายอังกฤษ” สมัครเข้าเป็นทหาร รวมถึงพลพรรคนักเรียนไทยในอังกฤษเข้าร่วมในกองทัพบกอังกฤษ แสดงออกชัดเจนว่า ไทยเป็นมิตรกับอังกฤษ อเมริกา เป็นฝ่ายสัมพันธมิตรสู้รบกับญี่ปุ่น
แม่ทัพของอังกฤษในภูมิภาคนี้ …ยืนยันว่า ไทยเป็นผู้แพ้สงคราม
ลอร์ดหลุยส์ เมานต์แบ็ตเทน ผู้บัญชาการทหารสัมพันธมิตรในเอเชียอาคเนย์ ส่งกองพลอินเดียที่ 7 ราว 17,000 คน มาเดินสวนสนามบนถนนราชดำเนิน ประกาศจะขอเป็นผู้ปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในไทยและบีบให้ไทยเซ็น “ข้อตกลง” และจะขอคงกำลังทหารไว้ในไทย
เวลานั้น…ไทยเกือบต้องเป็น “รัฐในอารักขา” ของอังกฤษ ซึ่งมหามิตรอเมริกาเข้ามาช่วยเหลือรัฐบาลไทย ทัดทานรัฐบาลอังกฤษไว้ในหลายประเด็น
ผู้เขียนในฐานะคนไทย ที่ศึกษาเรื่องนี้ ขอยอมรับว่า ผู้นำของไทย นักการทูตของไทย เฉียบแหลมรู้เท่าทันท่าทีของ “หมาป่า”
ผู้เขียนขอนำบทความ (บางตอน) ของ ศ.ดิเรก ชัยนาม ซึ่งท่านบันทึกไว้ในหนังสือ “ไทยกับสงครามโลกครั้งที่ 2” มาเผยแพร่ ซึ่งท่านเองมีบทบาทในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและต่อมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ต้องนำพาประเทศไทยเผชิญกับวิกฤตของชาติ….ใจความดังต่อไปนี้
…ประมาณเดือนเมษายน พ.ศ.2489 ทูตอังกฤษมีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศว่า ตามที่ญี่ปุ่นได้ขนวัสดุต่างๆ จากพม่า มาลายาและเนเธอร์แลนด์อีสอินดีส (อินโดนีเซีย) มาสร้างทางรถไฟสายกาญจนบุรี-พม่า รวมทั้งรถจักรและเครื่องอุปกรณ์มากหลายนั้น
บัดนี้ทางรัฐบาลอังกฤษจะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ 3 ประเทศนั้นๆ จึงจะรื้อขนไป เพราะเวลานั้นยังมีทหารสัมพันธมิตรและเชลยศึกชาวญี่ปุ่นอยู่เป็นอันมากจะได้ใช้เป็นกำลัง ฉะนั้น…รัฐบาลอังกฤษจึงขอความเห็นชอบจากรัฐบาลไทยก่อน
รัฐบาลไทยได้มาพิจารณาแล้ว เฉพาะอย่างยิ่งทางกระทรวงคมนาคมเห็นว่า “ควรรับซื้อไว้ดีกว่า” เพราะทางรถไฟของเราก็กำลังขาดสัมภาระในเรื่องรถไฟอยู่มาก รัฐบาลจึงถามไปยังรัฐบาลอังกฤษว่าเพื่อไม่ให้อังกฤษต้องลำบากในการที่จะต้องรื้อขน
รัฐบาลไทยจะช่วยอังกฤษโดยรับซื้อ ฉะนั้น…ขอทราบราคา
ขั้นแรก รัฐบาลอังกฤษตอบมาว่าจะขอขายในราคาทั้งหมด 3 ล้านปอนด์ เราตอบไปว่า “สูงมาก” รับไม่ไหว ในที่สุดรัฐบาลอังกฤษเสนอมาใหม่ 1 ล้าน 5 แสนปอนด์
รัฐบาลไทยได้ตั้งกรรมการขึ้นพิจารณาเห็นว่า ควรลดลงมาอีกในที่สุดอังกฤษจึงเสนอราคาเด็ดขาดคือ 1 ล้าน 2 แสน 5 หมื่นปอนด์
รัฐบาลไทยได้ตกลงเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2489
เรื่องทางรถไฟสายกาญจนบุรี-พม่านี้ มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านเศร้าสลดมาก จนทั่วโลกขนานนามว่ารถไฟสายมรณะหรือ Railway of Death เนื่องจากกองทัพญี่ปุ่นมีนโยบายที่จะเชื่อมการคมนาคมกับพม่าโดยผ่านทางเมืองกาญจนบุรี
กองทัพญี่ปุ่น ได้เริ่มสำรวจการสร้างทางรถไฟสายนี้เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2485 เริ่มสร้างตั้งแต่พฤศจิกายน 2485 โดยสร้างพร้อมๆ กันทั้งสองด้าน คือ ด้านพม่าเริ่มจากเมืองตันบูซายัต ทางภาคใต้ของพม่า
ส่วนด้านไทย เริ่มสร้างจากทางเมืองกาญจนบุรี แต่ภายหลังสร้างได้ไม่กี่เดือนญี่ปุ่นเสียหายในการสู้รบทางทะเลมากขึ้น (กองทัพเรือญี่ปุ่นโดนกองทัพเรือสหรัฐยิงทำลายในมหาสมุทรแปซิฟิกเกือบราบคาบ : ผู้เขียน) ญี่ปุ่นเห็นว่าถ้าทางนี้เสร็จได้เร็ว ก็จะช่วยในเรื่องการขนส่งมาก จึงออกคำสั่งระดมให้เสร็จภายในสิงหาคม พ.ศ.2486
แต่เป็นที่ทราบกันแล้วว่า เส้นทางสายนี้ทุรกันดารที่สุด ต้องผ่านทิวเขามากหลายป่าดงทึบ อากาศก็ร้อนจัดและในภูมิภาคนี้ฝนตกหนักโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิดรุนแรง เครื่องมือสำหรับการช่างก็มีไม่พอ ทหารสัมพันธมิตรซึ่งเป็นเชลยเล่าว่า งานส่วนมากต้องทำโดยใช้มือและกำลังแรงเป็นส่วนใหญ่
ญี่ปุ่นเกณฑ์เชลยศึกชาติต่างๆ เอามาใช้ รวมทั้งจ้างกุลีชาวทมิฬพม่า ชวา ญวน มาลายาและจีน คนงานเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเชลยศึกหรือคนงานซึ่งเกณฑ์จ้าง ต้องทำงานอย่างหนักที่สุดตั้งแต่เช้าจนค่ำอาหารก็ไม่พอกิน ที่พักก็ใช้ผ้าใบซึ่งทำเป็นหลังคาในฤดูมรสุมฝนตกหนักนอนไม่ได้เพราะน้ำท่วม คนงานส่วนมากจึงเจ็บป่วย ยาก็ไม่มี ส่วนมากจึงไม่รักษาปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ผลก็คือล้มตายลงเป็นอันมาก
ในที่สุด…ญี่ปุ่นก็เร่งจนเสร็จได้และเริ่มเปิดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2486 เป็นระยะทาง 415 กม. เมื่อเปิดทางรถไฟ กองทัพญี่ปุ่นต้องทำพิธีทางศาสนาให้คนงานที่ตายในการก่อสร้างทางรถไฟนี้
เป็นที่น่าปลื้มใจและน่าอนุโมทนาอยู่อย่างหนึ่ง ที่ระหว่างสร้างเส้นทางนี้ คนไทยทั่วไปเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยในจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นแหล่งที่เริ่มสร้างทางนั้น ได้เวทนาสงสารพวกเชลยและพวกกุลีเหล่านี้ได้แอบส่งอาหาร เสื้อผ้า เงิน บุหรี่ ยาให้
เชลยศึกสัมพันธมิตรเอง ได้บันทึกเรื่องนี้ไว้และมีหลักฐานปรากฏในสำนวนศาลทหารระหว่างประเทศที่กรุงโตเกียวถึงความเมตตากรุณาของพวกเราชาวไทย….
ข้อความข้างต้น คือ บันทึกของ ศ.ดิเรก ชัยนาม เป็น 1 ในหนังสือดี 100 เล่ม ที่คนไทยควรได้อ่านครับ
เรื่องรางรถไฟ เป็นเพียง 1 เรื่องที่ไทยพอจะเอาตัวรอดได้ คือ รู้ดีว่าอังกฤษจะเอาเงินจากไทย เลยต้องหาเงินให้เขาไป ก็หมดเรื่อง
หลังจากสงครามสงบ …อังกฤษยังไม่ยอมคืนทองและเงินปอนด์ (มูลค่าขณะนั้นประมาณ 265 ล้านบาท) ที่อังกฤษอายัดไว้ที่ลอนดอน รัฐบาลไทยต้องเลี้ยงดูเสียค่าใช้จ่ายทั้งทหารกองพลที่ 7 และเชลยศึก (ทหารญี่ปุ่นราว 1.2 แสนคน) จนกว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะปลดอาวุธและส่งทหารญี่ปุ่นกลับไปหมด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ปีเศษ ที่ไทยต้องดูแลจ่ายเงินก้อนยักษ์
อังกฤษแสนจะงอแง ทำตัวเป็นเด็กดื้อ เอาแต่ใจจนทำให้ไทยต้องส่งมอบข้าวสาร 1.5 ล้านตัน ให้แก่อังกฤษ ซึ่งจำนวนดังกล่าว เท่ากับปริมาณข้าวที่ไทยผลิตใน 1 ปี
ระหว่างนั้น ไทยถูกอังกฤษบีบในทุกเรื่อง แม้กระทั่งการฝึกทหาร
ในที่สุด นักการทูตของไทยต้องไปล็อบบี้ให้สหรัฐช่วยพูดกับอังกฤษให้เลิกข่มขู่ไทย รวมถึงให้ถอนทหารออกไปจากไทย
1 มกราคม พ.ศ.2489 เกิดพิธีการลงนามในสัญญา ที่เกาะสิงคโปร์…ถือว่าไทยพ้นจาก “การข่มขู่” เอาบ้าน-เอาเมือง-เอาเงินจากอังกฤษโดยสิ้นเชิง
สงครามโลกครั้งที่ 2 …บทบาทของอเมริกา คือ การเป็นมหาอำนาจเดี่ยวที่ส่งทหารนับล้านนาย เข้าไปช่วยกอบกู้ยุโรป ทหารสหรัฐคือกำลังหลักที่ “ผลักดัน-ตีโต้ตอบ” กองทัพนาซีเยอรมันนับล้านคนให้พ่ายแพ้ สหรัฐมอบอาวุธมหาศาลให้อังกฤษ ฝรั่งเศส และชาติอื่นๆ ในยุโรป และเอเชีย เพื่อรบกับนาซีเยอรมัน
สหรัฐ ยังส่งทหารนับล้านมารบกับญี่ปุ่นในเอเชีย-แปซิฟิก
รถจี๊ป และรถยนต์นานาชนิด คือตัวอย่างที่จับต้องได้ รัฐบาลของทุกประเทศในยุโรป “เกรงใจ” อเมริกา (ยกเว้นโซเวียตรัสเซีย)
แถมท้ายครับ…เรื่องน่าปลื้มใจที่สุด 16 กันยายน 2485 มีการลงนามข้อตกลงระหว่างไทยกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทางรถไฟสายพม่า ญี่ปุ่นขอยืมเงินไทย 4 ล้านบาทในการก่อสร้าง
ต่อมาภายหลัง…ญี่ปุ่นก็ใช้หนี้ไทยตามสัญญา…