พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : ลักษณะ การยัน จังหวะ สำคัญ ‘ช่วงชิง’ แปรรับ ไปสู่ ‘รุก’

พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : ลักษณะ การยัน จังหวะ สำคัญ ‘ช่วงชิง’ แปรรับ ไปสู่ ‘รุก’

ข้อเสนออันมาจากจางเหลียง หากยึดบรรทัดฐานเดิมก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องแปลก ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ในการยุทธ์
1 อาศัย “ดนตรี” เป็น “อาวุธ”
ขณะเดียวกัน ที่สามารถทำให้ดนตรีเป็นอาวุธได้ก็อาศัยจุดแข็งหนึ่งซึ่งดำรงอยู่ภายในเสียงเพลง
นั่นก็คือ การโน้มน้าวในทาง “ความรู้สึก”
มิได้เป็นความรู้สึกอย่างฮึกห้าวเหิมหาญพร้อมควงกระบี่ออกแนวหน้า หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม
นั่นก็คือ เป็นการใช้เสียงปี่เพื่อให้คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว
“จะให้ทหารพระเจ้าฌ้อปาอ๋องทั้งปวงนั้นมีน้ำใจสลดลง รำลึกถึงบ้านช่องของตัวเอง และทิ้งพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเสียให้จงได้”
แผน “การยุทธ” นี้ได้รับการตอบสนองจาก “แม่ทัพ”

หานซิ่นได้ฟังจางเหลียงว่าดังนั้นก็ลุกขึ้นคำนับแล้วว่า “ถึงนางหลั่งหยกและเซียวซู้ ผู้เป่าปี่มาแต่ก่อนนั้นก็หาเสมอกับท่านไม่”
จางเหลียงก็รับคำนับหานซิ่นแล้วลากลับ
หานซิ่นจึงสั่งนายทัพนายกองทั้งปวง “เวลาพรุ่งนี้ผู้ใดอย่าได้ออกรบกับพระเจ้าฌ้อปาอ๋องเลย รักษาแต่หน้าด่านไว้ให้มั่นคง ข้างชั้นนอกให้เอารถที่ทำไว้สำหรับรบไปล้อมเข้าไว้”
ว่าพลางก็เสนอต่อเซียวเหอให้เอาเสบียงอาหารไปแจกจ่ายกองทัพให้ทั่วกันอย่าให้อดอยาก
ขณะเดียวกัน ก็ให้นายทหารไปบอกแก่นายทัพนายกองทั้งปวงว่า
“ถ้าทหารพระเจ้าฌ้อปาอ๋องจะแหกออกไปก็ให้แหวกทางปล่อยไปสิ้น ให้รบพุ่งจับกุมไว้ แต่พระเจ้าฌ้อปาอ๋องไว้แต่ผู้เดียว”
ทหารทั้งปวงก็ทำตามคำหานซิ่นสั่ง

ทางด้านพระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็มิได้ยกกำลังออกรบ หากแต่รักษาค่ายมั่นอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นเซี่ยงป๋อกับกี๋โป้ แลขุนนางทั้งปวงจึงทูลพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง
“ทหารทั้งปวงขาดเสบียงอาหารแล้ว แม้หญ้าก็จะไม่มีให้ม้ากิน
บัดนี้ทหารทั้งปวงเรรวนอยู่ ข้าพเจ้าคิดเกรงกลัวทหารจะเอาใจออกห่างเสีย ขอให้พระองค์คุมทหาร 8,000 เป็นกองหน้า
ข้าพเจ้าจะคุมทหารทั้งปวงเป็นกองหนุนรีบตีแหกออกจากที่ล้อมเสียให้ได้
เมื่อพ้นกองทัพฮั่นอ๋องออกไปแล้วจะยกออกไปตั้งอยู่ ณ เมืองเกงฌ้อ เมืองกังตั๋งก็ตามเถิด
แต่ซึ่งจะนิ่งนอนใจอยู่ในที่ล้อมนั้นไม่ได้”
พระเจ้าฌ้อปาอ๋องจึงว่า “ทหารเราก็ขาดเสบียงอาหารอิดโรยอยู่แล้ว ทหารฮั่นก็ล้อมไว้เป็นอันมาก เห็นทหารเราจะรบพุ่งหักโหมตามเราไปมิได้”
โดยพื้นฐานสถานการณ์ของทัพฌ้อก็อยู่ในสถานะตั้งรับและอิดโรย

ปี่โป้จึงทูล “อันทหารคู่ใจพระองค์ 8,000 นี้ก็ได้เคยรบพุ่งมาแต่ก่อนเป็นอันมาก ข้าพเจ้าเห็นจะหาทิ้งพระองค์ไม่ ถึงทหารฮั่นอ๋องก็ขยาดฝีมือทหารเหล่านี้อยู่ ถ้าพระองค์คุมทหารคู่ใจตีออกไปแล้วก็เห็นจะพากันออกจากที่ล้อมได้สิ้น”
พระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้ฟังก็เห็นชอบด้วยกับข้อเสนอไม่ว่าจะมาจากเซี่ยงป๋อ ไม่ว่าจะมาจากปี่โป้
จึงสั่งทหารคู่ใจ
“เวลาพรุ่งนี้เราจะแหกกองทัพฮั่นออกไป ท่านทั้งปวงจะติดตามเรารบพุ่งให้เป็นใจเดียวกัน ทุกคนคอยหนุนเราให้ได้”
สั่งดังนั้นแล้วพระเจ้าฌ้อปาอ๋องก็ลุกเข้าไปที่ข้างใน
ความคาดหมายของเซี่ยงป๋อ ความคาดหมายของปี่โป้ ความคาดหมายของพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ให้ความมั่นใจกับกำลังทหาร 8,000 นายอย่างเป็นด้านหลัก
คำถามก็คือ การคาดหมายสอดรับกับความเป็นจริงมากน้อยเพียงใด

Advertisement

ยุทธ์นิยาย “ไซ่ฮั่น” สำนวนการเรียบเรียงฉบับวังหลังสะท้อนสถานการณ์หลังการสั่งการและการลุกเข้าไปข้างในของพระเจ้าฌ้อปาอ๋องอย่างน่าศึกษา
ทหารทั้งปวงจึงออกไปปรึกษากัน
เราตามพระเจ้าฌ้อปาอ๋องมากระทำศึกครั้งนี้ได้ความลำบากนัก หน้านี้เป็นฤดูหนาว เสื้อแลกางเกงขาดหมดแล้ว อาหารเราก็มิได้กินอิ่ม นอนก็มิได้เป็นปกติ
เฝ้าแต่ทนความเวทนาอยู่ฉะนี้ จะตายก็มิตายเสีย
ซึ่งจะแหกกองทัพฮั่นอ๋องออกไปเราจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมารบพุ่งไปได้ ทหารฮั่นอ๋องก็ล้อมไว้เป็นอันมาก
น่าที่เราทั้งปวงจะพากันตายเสียสิ้นในเวลาพรุ่งนี้แล้ว
ทหารทั้งปวงนั่งปรึกษาปรับทุกข์เป็นพวกๆ แห่งละ 5 คนบ้าง 6 คนบ้าง จนเวลาค่ำลงประมาณยามเศษ
เงียบสงัด ได้ยินแต่เสียงใบไม้หล่น
ลมรวย รวย พอได้ยินเสียงปี่เป่ามาจากบนเขา เสียงนั้นยะเยือกหนาวเข้าไปในหัวใจ ทหารทั้งปวงต่างก็นิ่งตรับฟังอยู่สิ้น
จึงได้ยินเป่าเป็นเพลงบรรเลงว่า

เดือนยี่ ฤดูหน้าหนาว น้ำตก เย็นทั่วไปทั้ง 4 ทิศ จะดูฟ้าก็สูง แม่น้ำก็กว้าง ฤดูนี้คนทั้งปวงได้ความเวทนานัก
ที่จากบ้านเมืองมาต้องกระทำศึกอยู่นั้น
บิดา มารดา แลบุตรภรรยา อยู่ภายหลังก็ยืนคอรอคอยอยู่แล้ว ถึงมีเรือกสวนแลไร่นาก็จะทิ้งรกร้างไว้ไม่มีผู้ใดจะทำ
เพื่อนบ้านที่เขาไม่ต้องไปทัพอยู่พรักพร้อมกันก็จะอุ่นสุรากินเล่นเป็นสุข
น่าสงสารผู้ที่จากบ้านช่องมาหลายปีนั้น ที่บิดา มารดาแก่ชราอยู่ก็เจ็บป่วยล้มตายเสีย
หาได้เห็นใจบิดา มารดาไม่
และตัวเองเล่าต้องกระทำศึกอยู่ฉะนี้ ถ้าเจ็บป่วยล้มตายก็จะกลิ้งเกลือกอยู่กลางแผ่นดินแต่ผู้เดียว บุตรภรรยาแลญาติพี่น้องก็มิได้ปฏิบัติรักษากัน
กลายเป็นผีหาญาติมิได้
ถ้าแต่งตัวออกรบครั้งใดก็มีแต่ฆ่าฟันกัน กระดูกแลเนื้อถมแผ่นดินลงทุกครั้ง ดูสังเวชนัก ท่านทั้งปวงก็เป็นมนุษย์มีสติปัญญา เร่งคิดเอาตัวรอดคืนไปยังบ้านของตัวเองเถิด
ท่านไม่รู้หรือ
ม้านั้นก็เป็นแต่ชาติสัตว์เดียรัจฉาน ถ้าผู้ใดพาไปจากโรงแลมิได้ผูกถือกักขังไว้ก็ย่อมคืนกลับมายังถิ่นที่อยู่ของตัว
อันประเพณีมนุษย์ ถ้าจะเจ็บป่วยล้มตายก็ย่อมให้อยู่ที่บ้านของตัว พร้อมบิดา มารดาแลญาติพี่น้องถึงจะดี ครั้งนี้เทพยดารู้ว่าพระเจ้าฌ้อปาอ๋องสิ้นวาสนาแล้ว แลมีความกรุณาแก่ท่านทั้งปวงว่า
จะมาพลอยตายเสียเปล่า จึงใช้ให้เรามาบอกให้รู้
ให้เร่งคิดเอาตัวรอดเสีย แต่พระเจ้าฌ้อปาอ๋องยังไม่ตาย ฉะนี้ ถ้าอยู่อีกวันหนึ่งสองวันฮั่นอ๋องก็จะจับตัวพระเจ้าฌ้อปาอ๋องได้
ถึงผู้ใดมีกำลังและหมายจะสู้รบก็เห็นจะไม่พ้นมือฮั่นอ๋องแล้ว

Advertisement

ไม่ว่ามองผ่านสภาพที่ดำรงอยู่ภายในกองทัพของพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง ไม่ว่ามองผ่านกระบวนท่าในการวิเคราะห์ภายในกองทัพของพระเจ้าฮั่นอ๋อง
เรียกได้ว่าอยู่ใน “จังหวะ” อันสอดรับกันอย่างเหมาะเจาะ
นั่นก็คือ ทางด้านของทัพฌ้อมีปัญหาในเรื่องเสบียงอาหารและการส่งกำลังบำรุง นั่นก็คือ ทางด้านของทัพฮั่นมีความหวั่นเกรงพลานุภาพของอีกฝ่ายอยู่ลึก
จึงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า
เห็นได้จากการตระเตรียมของทัพฌ้อในลักษณะพร้อม “ถอย” เห็นได้จากการปรับยุทธวิธีของทัพฮั่นอาศัยการรุกทาง “ใจ”
อาศัย “ดนตรี” เป็น “อาวุธ”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image