ผู้เขียน | ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์ |
---|
กรณีประธานอินเตอร์โพล หรือคนที่เป็นหัวหน้าตำรวจสากล ถูกอุ้มหายไปตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน และทางการจีนเพิ่งมาเปิดเผยยืนยันในสัปดาห์นี้ว่านำตัวไปสอบสวนคดีสินบน ตอกย้ำว่าจีนดำเนินนโยบาย “จีนต้องมาก่อน” อย่างชัดเจน
แม้ไม่ประกาศครึกโครมเหมือนอย่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผู้เก่งเลิศในปฐพี แต่การจัดการของจีนที่แสดงออกอย่างไม่ต้องแคร์องค์กรสากลนั้นย้ำชัด และออกจะชัดเจนยิ่งกว่า
นายเมิ่ง หงเหว่ย ได้รับการเลือกให้เป็นประธานอินเตอร์โพลในเดือน พ.ย.2559 เป็นคนจีนคนแรกที่ได้รับตำแหน่งนี้ เพราะมีประสบการณ์ 40 ปีในด้านความยุติธรรมทางอาญา และรักษาความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะในด้านของยาเสพติด การต่อต้านการก่อการร้าย และการควบคุมพรมแดน
แต่เดิมนายเมิ่งมีวาระดำรงตำแหน่งถึงปี 2563 ทำเอากลุ่มสิทธิมนุษยชนหลายกลุ่มยังห่วงว่า การที่นายเมิ่งมานั่งตำแหน่งตำรวจสากลจะช่วยทำให้จีนตามจับตัวผู้แข็งข้อทางการเมืองที่หนีไปอยู่ต่างประเทศได้ง่ายขึ้น
แต่กลับผิดคาดมาก คือนายเมิ่งโดนเช็กบิลเสียเอง ตามปฏิบัติการ “ล่าจิ้งจอก” ที่จีนตามล่าจับกุมเจ้าหน้าที่รัฐผู้พัวพันการคอร์รัปชั่นจากต่างประเทศ
จู่ๆ วันที่ 26 ก.ย. นายเมิ่งหายตัวไปอย่างลึกลับขณะเดินทางจากเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของอินเตอร์โพล ทำให้ภรรยาร้อนใจมาก เพราะสามีส่งสัญลักษณ์รูป “มีด” เป็นข้อความสุดท้ายก่อนขาดการติดต่อไป จึงไปร้องขอเจ้าหน้าที่ฝรั่งเศส ประเทศต้นทางให้ช่วย
เรื่องนี้จึงเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก เพราะคนที่มีตำแหน่งสากลระดับนี้ หายตัวไปเฉยๆ ได้อย่างไร
สุดท้ายทางการจีนเฉลยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของประเทศ และนายเมิ่งส่งจดหมายลาออกจากตำแหน่งประธานอินเตอร์โพลได้ในทันที เป็นอันว่าตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว
สำนักข่าวฝรั่งต่างรายงานข้อสังเกตตรงกันว่า กรณีของนายเมิ่งเป็นสิ่งที่ทางการจีนต้องการแสดงออกเช่นเดียวกับนางเอกสาวซุปเปอร์สตาร์ ฟ่าน ปิงปิง ที่ถูกทำให้หายไปจากงานอีเวนต์ งานภาพยนตร์ และโลกออนไลน์ ตั้งแต่เดือนมิถุนายน จนกระทั่งเพิ่งมีข่าวยืนยันว่า ถูกปรับเงิน 4,200 ล้านบาทจากคดีเลี่ยงภาษี
แม้นักแสดงหญิงจะดำรงตำแหน่งผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงทั้งของจีนและอินเตอร์ แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นการเช็กบิลของทางการได้
เป็นสิ่งยืนยันว่าใครก็ตาม ต่อให้มีชื่อเสียงหรือตำแหน่งสูงส่ง หากไปสะกิดโดนเอาความศักดิ์สิทธิ์ในนโยบายปราบปรามคอร์รัปชั่นของท่านสี จิ้นผิง เข้าเมื่อใด ก็เป็นอันจบเมื่อนั้น
ถึงหลายปีมานี้จะมีชาวจีนหลายคนได้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในสถาบันระดับโลกหลายแห่ง รวมถึงสหประชาชาติ ไอเอ็มเอฟ เวิลด์แบงก์ ยูเนสโก ฯลฯ แต่กรณีของนายเมิ่งเป็นตัวอย่างว่าอย่าได้ออกนอกลู่นอกทางพรรคคอมมิวนิสต์เป็นอันขาด
จีนเป็นประเทศที่เปิดประตูบ้านต้อนรับแขกเหรื่อ นักท่องเที่ยว และนักลงทุนได้จำนวนมหาศาล แต่คุมคนในบ้านให้เคารพเชื่อฟังหัวหน้าครอบครัวได้ จึงไม่ต้องใส่ใจโลกภายนอกมากนัก
ประเทศเล็กๆ คงไม่มีทางทำแบบนั้นได้ อย่าได้คิดเลียนแบบเลย
ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์