สถานีคิดเลขที่ 12 : ผบ.ทบ.กับคำถามปฏิวัติ : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

เมื่อ ผบ.ทบ.คนใหม่เข้ารับตำแหน่ง ยังไม่ทันไรต้องกลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่หนังสือพิมพ์ในประเด็น จะมีปฏิวัติรัฐประหารอีกหรือไม่
นั่นเพราะการเมืองไทยเรายังวนอยู่ในอ่าง โดยแม้ว่าจะมีผู้คนฝ่ายความคิดก้าวหน้า พยายามต่อสู้ผลักดันให้บ้านเมืองเราหลุดพ้นจากวงจรน้ำเน่านี้เสียที

แต่เราก็ยังมีคนอีกกลุ่ม ที่ยังคงทำทุกทางเพื่อฉุดรั้งบ้านเมืองให้ถอยหลังย้อนยุคไปอยู่เรื่อย ตามความเชื่อของฝ่ายอนุรักษนิยมการเมืองไทย ที่หวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในสังคม

ขณะที่เรามีนักศึกษาประชาชนในยุคสมัย 14 ตุลาคม 2516 ที่โหยหาสังคมใหม่ ใฝ่หาเสรีภาพ ลุกขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลทหาร โดยไม่เกรงกลัวห่ากระสุนปืน จนได้รับชัยชนะ เปิดม่านประชาธิปไตยสู่สังคมไทย

แต่เพียงแค่ 3 ปี ก็เกิดเหตุร้าย 6 ตุลาคม 2519 กวาดล้างเข่นฆ่านักศึกษาประชาชนที่ขยายตัวเติบใหญ่มาจาก 14 ตุลาฯ

Advertisement

เป็นความพยายามอีกครั้งของฝ่ายขวาล้าหลัง เพื่อไม่ให้สังคมไทยก้าวไปข้างหน้า แม้จะต้องใช้วิธีนองเลือดก็ตาม

แต่ก็เป็นไปตามทฤษฎียิ่งกดยิ่งต้าน จากนั้นการต่อสู้ยิ่งดุเดือดเลือดพล่าน

จนต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงล้มรัฐบาลในปี 2520 โดยคณะทหารชุดเดิมที่รัฐประหารปี 2519 เพื่อคลี่คลายสังคมไทย แอบอิงประชาธิปไตยคลายความอึดอัด

Advertisement

รวมทั้งมีคำสั่งที่ 66/2523 ใช้การเมืองนำการทหาร ทำให้ความขัดแย้งพ้นจากสนามรบ มาสู่การต่อสู้อย่างสันติวิธี

กระทั่งในปี 2535 ประชาชนลุกฮืออีกครั้ง เพื่อปฏิเสธรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารในปี 2534 รวมทั้งผลักดันการเมืองให้ยกระดับไปอีก ด้วยทำให้มีข้อกำหนด นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ

ทำให้อำนาจการเมืองในมือประชาชน เพิ่มความสำคัญมากขึ้น

ยิ่งมาถึงรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เพิ่มความเข้มแข็งให้พรรคการเมือง ยิ่งทำให้อำนาจการเมืองในมือประชาชนผ่านวันเลือกตั้ง ยิ่งมีความหมายมีความสำคัญมากขึ้น

จนฝ่ายล้าหลังต้องดิ้นรนครั้งใหญ่ ก่อม็อบมีสีในปี 2548 เพื่อปูทางรัฐประหาร 2549 ก่อนจะดิ้นซ้ำอีก หนักกว่าเดิมอีก ผ่านม็อบปี 2556 เพื่อนำไปสู่รัฐประหาร 2557

นี่เป็นกรณีตัวอย่างที่ชี้ว่า ก่อนรัฐประหาร มักมีกระบวนการปูทางสร้างเงื่อนไขให้ทุกครั้ง

แต่โลกต้องหมุนไปข้างหน้า ไม่หมุนย้อนเหมือนวงจรน้ำเน่าในสังคมไทย

สุดท้ายสังคมไทยก็ต้องไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะมีในต้นปี 2562

ท่ามกลางบรรยากาศที่บ้านเมืองใกล้จะกลับมาเป็นประชาธิปไตยแท้ๆ

แต่เมื่อ ผบ.ทบ.คนใหม่ เปิดแถลงใหญ่ครั้งแรกที่เข้ามารับตำแหน่ง ก็ต้องเผชิญคำถามที่ว่า ทหารจะปฏิวัติยึดอำนาจอีกหรือไม่

ผบ.ทบ.จะตอบอย่างไรก็ตามที แต่แปลว่าสังคมไทยไม่เคยวางใจ ว่าจะไม่มีการล้มกระดานประชาธิปไตยอีก

ตราบใดที่ฝ่ายอนุรักษนิยมขวาจัดในบ้านเรา ยังไม่ยกระดับความคิดเหมือนฝ่ายขวาในสังคมที่เจริญ ว่าต้องไปต่อสู้กับฝ่ายเสรีนิยม สู้กับฝ่ายซ้ายในสนามเลือกตั้ง

อันเป็นเวทีที่สู้กันไป แต่บ้านเมืองก็ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ

ถ้าไม่ยอมรับกติกานี้ และยังคงดิ้นรนฉุดบ้านเมืองให้ถอยหลังไม่สิ้นสุด

ผบ.ทบ.ก็ต้องคอยตอบคำถามว่าจะมีรัฐประหารหรือไม่ อย่างไม่จบสิ้น

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image