ผู้เขียน | ปราปต์ บุนปาน |
---|
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกหนึ่งแง่มุมของ “การเลือกตั้ง 24 มีนา” ที่ค่อยๆ ปรากฏชัดเจนขึ้น ก็คือ ภาพการปะทะกันทางความคิดระหว่างผู้คนต่างเจเนอเรชั่น ซึ่งมีความข้องเกี่ยวเทคโนโลยีและกระบวนการเข้าถึงความรู้ที่เปลี่ยนแปลง
ทำให้นึกถึงหนังสือเล่มเล็กๆ ชื่อ “หนูนิ้วโป้ง: วัฒนธรรมและเทคโนโลยีของมนุษย์มิลเลนเนียล” ซึ่ง ดร.สายพิณ ศุพุทธมงคล แปลจากหนังสือชื่อ “Petite Poucette” ของ มิแช็ล แซรส์ ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
หากสรุปความตามคำนำหนังสือซึ่งเขียนโดย ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ หนังสือเล่มนี้คืองานเขียนของนักปรัชญาอายุกว่า 80 ปี ซึ่งชูธงสนับสนุนบรรดา “หนูนิ้วโป้ง” หรือคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่เติบโตมากับโลกอีกชนิดหนึ่ง และว่ายเวียนอยู่ในสายน้ำประชาธิปไตยแห่งความรู้อันกว้างขวาง ที่ผู้ใหญ่รุ่นก่อนหน้าไม่เคยสัมผัสและไม่มีทางเข้าใจ
“หนูนิ้วโป้ง” ทั้งหลายไม่ได้อยู่บนเส้นเวลาเดียวกันกับผู้ใหญ่ พูดจาคนละภาษา และไม่เชื่อว่าความรู้จะถูกผูกขาดโดยใครคนใดคนหนึ่งหรือสถาบันใดสถาบันหนึ่งอีกต่อไป
บทหนึ่งของหนังสือที่มีเนื้อหาแหลมคมน่าสนใจมากๆ คือบทที่ชื่อว่า “แซ่ซ้องเน็ตเวิร์กทั้งหลาย” ซึ่งผมขออนุญาตคัดลอกข้อความบางส่วนมาเผยแพร่ต่อ ดังนี้
“ณ จุดนี้เองที่บรรดาหนูนิ้วโป้งต่างตำหนิพวกพ่อของเธอ พ่อหาว่าพวกเราทำตัวเป็นศูนย์กลางของจักรวาล แต่ใครที่เป็นตัวอย่างให้เรา? หรือว่าเราเป็นพวกปัจเจกไม่สนใจใคร แต่ใครที่สอนให้เราเป็นเช่นนี้?
“พ่อดูตัวเองก่อนไหมว่าพ่อทำงานเป็นทีมเป็นหรือเปล่า? … พ่อรู้วิธีสร้างและทำให้พรรคการเมืองอยู่รอดได้ไหม? พรรคการเมืองทุกที่อ่อนแอและล้มหายตายจากไป พวกพ่อรู้วิธีตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพไหม? …
“ความรู้สึกเป็นพวกพ้องแบบเก่าทั้งหลายก็กำลังตาย ไม่ว่าในหมู่ผู้ถืออาวุธ ศาสนิก เพื่อนร่วมชาติ สหภาพ กระทั่งในครอบครัวซึ่งถูกจัดระเบียบใหม่ …
“พวกพ่อเห็นโซเชียลเน็ตเวิร์กและการใช้คำว่า ‘เพื่อน’ แบบใหม่ของเราเป็นเรื่องน่าหัวเราะ แต่พ่อเคยสามารถสร้างกลุ่มที่ใหญ่ขนาดมีสมาชิกเกือบเทียบเท่ามนุษยชาติทั้งหมดไหม? ใช่หรือไม่ว่าการทำความรู้จักใครสักคนในโลกเสมือน พวกเราต้องระมัดระวัง ไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก?
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพ่อกำลังกลัวว่าการคบกันของพวกเราจะนำไปสู่การรวมตัวรูปแบบใหม่ที่จะกวาดการรวมตัวแบบเดิมที่พ้นสมัยให้ตกเวที
“แล้วการรวมตัวแบบที่พ่อทำก็ล้าสมัยและเสมือนจริงพอๆ กับของเรานั่นแหละ หนูนิ้วโป้งย้อน เธอมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันควัน
“กองทัพ ชาติ ศาสน์ ปวงชน ชนชั้น กรรมาชีพ ครอบครัว ตลาด… ทั้งหมดนี้คือนามธรรมที่โฉบเฉี่ยวไปมาบนหัวเรา พ่อบอกว่ามันเป็นนามธรรมที่มีมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อจริงๆ อยู่เบื้องหลังงั้นหรือ?
“แน่สิ หนูนิ้วโป้งตอบ เว้นแต่ว่ามนุษย์ที่มีเลือดเนื้อเหล่านี้ แทนที่จะมีชีวิต ใช้ชีวิต กลับต้องทุกข์และล้มตาย ความรู้สึกเป็นพวกพ้องทั้งหลายที่กระหายเลือดและหวังให้เราแต่ละคนเอาชีวิตเป็นเครื่องเซ่นสังเวย …
“แทนที่จะสังกัดกลุ่มพวกพ้องเหล่านี้ ซึ่งชื่อก็เสมือนและเป็นนามธรรม และชัยชนะโชกเลือดได้รับการเยินยอโดยตำราประวัติศาสตร์ และแทนที่จะบูชาพระเจ้าจอมปลอมทั้งหลายที่เอาชีวิตเหยื่อนับจำนวนไม่ถ้วน ฉันเลือกโลกเสมือนที่กว้างใหญ่ไพศาลของเรา …
“คือไม่เรียกร้องให้ใครต้องมาตาย เราไม่ต้องการให้พื้นที่ชุมนุมของเราเต็มไปด้วยคราบเลือด อย่างน้อยโลกเสมือนก็จะไม่กลายเป็นอัฐิสถาน เราจะไม่สร้างกลุ่มด้วยการสังหารหมู่ผู้อื่น หลังจากได้เห็นประวัติศาสตร์และการเมืองความตายของพวกพ่อ
“นี่คืออนาคตของ เรา”