ผวา‘สุ่มเสี่ยง’

สถานการณ์การเมืองประเทศไทยที่สั่งสมความขัดแย้ง ทำให้จนถึงบัดนี้ยังไม่ไว้วางใจว่าจะได้ประชาธิปไตยกลับคืน

ประเด็นสำคัญอยู่ที่การฟ้องร้อง และเรื่องราวที่อาจนำไปสู่การฟ้องร้อง

ประเด็นการฟ้องร้องพุ่งเป้าไปที่การยื่นคำร้องของ กกต. ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ

คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นเช่นไรไม่ขอก้าวล่วง

Advertisement

รอฟังวันที่ 27 กุมภาพันธ์ก็คงจะได้ทราบขั้นตอนที่ตุลาการจะพิจารณา

แต่ผลจากการพิจารณานั้น กลายเป็นหัวข้อการวิพากษ์วิจารณ์หากมีคำสั่งยุบพรรค

ถ้ายุบพรรคก่อนการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม ทุกอย่างก็คงเป็นไปตามที่คาดการณ์ นั่นคือ แฟนคลับของไทยรักษาชาติคงต้องหาพรรคใหม่

แต่ถ้าศาลมีคำสั่งยุบพรรคหลังการรับรอง ส.ส.ไปแล้ว บรรดา ส.ส.ก็คงหาที่หาทางกันสังกัดตามสิทธิที่กฎหมายเอื้ออำนวย

แล้วถ้าศาลมีคำสั่งยุบพรรคก่อนการรับรอง ส.ส.ล่ะ

แน่นอนคะแนนรวมต้องเท่ากับศูนย์ แต่ถ้ามีบางเขตที่ไทยรักษาชาติได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.

ตรงนี้จะทำอย่างไร ต้องหา ส.ส.ในเขตนั้นให้ทัน 2 เดือนที่เป็นเดดไลน์การประกาศผล ส.ส. นับจากวันที่ 24 มีนาคม

และผลที่ว่าจะเกี่ยวพันกับคะแนนรวมมากหรือน้อยประการใด

จะกระทบต่อการประชุมรัฐสภา การเลือกนายกฯ และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือเปล่า

นั่นคือประเด็นของไทยรักษาชาติ

ส่วนประเด็นใหม่คือ ประเด็นที่ กกต.อนุญาตให้นักการเมืองท้องถิ่นทั้งผู้บริหารและสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปช่วยหาเสียง

ประเด็นนี้พอเริ่มต้นก็มีข้อท้วงติงจากกระทรวงมหาดไทย แต่เมื่อ กกต. ยืนยัน มหาดไทยก็คล้อยตาม

แต่บรรดาผู้มีส่วนได้เสียไม่ได้คล้อยตามด้วย

ล่าสุดก็เป็นไปตามคาด คือ มีผู้ไม่เห็นด้วยนำเรื่องไปฟ้องร้องกล่าวหา กกต.

ไม่ทราบว่าประเด็นนี้เมื่อถึงที่สุดแล้ว จะมีผู้ไปร้องเรียนแล้วจะนำไปสู่ “โมฆะ” เหมือนกับที่นายวีระ สมความคิด ว่าไว้ไหม

แต่บรรยากาศเรื่องการร้องเรียนเช่นนี้ทำให้รู้สึกว่าการเมืองหลังการเลือกตั้งยังสุ่มเสี่ยง

สุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎกติกา แล้วทำให้เปิดสภาไม่ได้

ไม่น่าเชื่อว่าความรู้สึกเช่นนี้จะเกิดขึ้นมาในช่วงเวลาก่อนจะถึงวันเลือกตั้งอยู่แล้ว

วันที่ 24 มีนาคมจะก้าวมาถึงในอีก 20 กว่าวัน

แต่ก็ยังมีความไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะอุบัติขึ้นโดยง่าย

ยังมีคนไม่แน่ใจว่าการเลือกตั้งจะผ่านฉลุย ไม่กลายเป็นการเลือกตั้งที่โมฆะ

นี่อาจเป็นเพราะที่ผ่านมา ทุกครั้งที่เกิดสถานการณ์สุ่มเสี่ยง ผลที่ลงเอยมักจะเป็นไปทางด้านลบมากกว่าบวก

และขณะนี้สถานการณ์การเมืองก่อนการเลือกตั้งก็เริ่มเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงอีกครั้ง

จึงไม่แปลกเลยที่ผู้คนจะหวาดผวา

เพราะถ้าถึงที่สุดแล้ว ไทยจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งไม่ได้

ทุกอย่างที่ทำท่าจะไปได้สวยก็อาจจบลงกันแบบเซ็งๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image