สถานีคิดเลขที่ 12 : ข้อเสนอของมาร์ค

คนที่คลุกคลีกับสนามเลือกตั้ง ส.ส.มายาวนาน เห็นตรงกันว่า พรรคประชาธิปัตย์มักใช้วิธีทิ้งบอมบ์ใส่คู่แข่งในช่วงท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง อันเป็นกลเม็ดเด็ดพรายที่ใช้อยู่เป็นประจำ ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แต่ก็ไม่เคยขาด อย่างในสนามเลือกตั้ง 24 มีนาคมนี้ ก็มีออกมาจนได้

การประกาศไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ และไม่ยอมรับการสืบทอดอำนาจ นั่นเอง ที่ต้องถือเป็นมุขเด็ดในช่วงโค้งสุดท้ายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งส่งผลสะเทือนไม่น้อยเลย

เล่นเอาบรรดาผู้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ดาหน้าออกมาถล่มนายอภิสิทธิ์กันอย่างดุเดือด

โดยเฉพาะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ถึงกับงัดมุขทักษิณออกมาถล่มใส่นายอภิสิทธิ์ ด้วยความหงุดหงิดชนิดเก็บอาการไม่อยู่

Advertisement

อันที่จริงคำประกาศของนายอภิสิทธิ์ดังกล่าว ถึงแม้ว่าจะส่งผลต่อพรรคพลังประชารัฐ ที่ใส่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯเพียงชื่อเดียว

เป็นการจับจุดสำคัญระดับกล่องดวงใจขึ้นมาโจมตี ซึ่งน่าจะส่งผลต่อคะแนนนิยมได้ตรงเป้าทีเดียว

แต่เอาเข้าจริงๆ ท่าทีของนายอภิสิทธิ์ก็ชัดเจนว่า ต้านประยุทธ์ ไม่เอาสืบทอดอำนาจ แต่พร้อมจะจับมือกับพลังประชารัฐ ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีชื่อประยุทธ์เป็นนายกฯ

Advertisement

ขณะที่กับพรรคเพื่อไทยนั้น นายอภิสิทธิ์ก็ชัดเจนว่าไม่มีทางร่วมกันได้อย่างเด็ดขาด

แปลความได้ว่า ขั้วที่นายอภิสิทธิ์จะร่วมในการเลือกตั้งหนนี้ และการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ก็คือ ฟากฝ่ายนี้แหละ

เรื่องจะไปรวมกับขั้วพรรคเพื่อไทย เพื่อชาติ ประชาชาติ อนาคตใหม่ อะไรเหล่านั้น ไม่มีทาง

เพียงแต่นายอภิสิทธิ์ น่าจะวาดหวังว่า ผลเลือกตั้งที่ออกมา ประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.มากกว่าพลังประชารัฐ แล้วมาเจรจาภายใต้เงื่อนไขที่นายอภิสิทธิ์ได้เปรียบ

การตีไปที่ พล.อ.ประยุทธ์และการสืบทอดอำนาจ ก็คงหวังผลให้พลังประชารัฐ เริ่มเป๋เริ่มมีคะแนนลดลง แต่สุดท้ายก็ต้องจับมือร่วมกัน เพราะประชาธิปัตย์ไม่มีทางโดดไปอยู่ขั้วเพื่อไทยแน่ๆ

ถ้าวิเคราะห์เข้าไปถึงเนื้อแท้ของประชาธิปัตย์ จะรู้ชัดอยู่แล้วว่า เป็นพรรคการเมืองที่อิงอยู่กับโครงสร้างเก่าของสังคมไทย อิงอยู่กับอำนาจคนชั้นสูง และไม่เคยปฏิเสธอำนาจกองทัพ

จุดยืนประชาธิปัตย์เป็นเช่นนี้มาตลอด และยังไม่มีทีท่าแปรเปลี่ยน

ไปกันไม่ได้เลยกับประชาธิปไตยเสรีนิยม แบบพรรคเพื่อไทย และอนาคตใหม่

ถ้าใช้ศัพท์แบบนักวิเคราะห์การเมืองที่ใช้กันประจำ ก็ต้องเรียกว่า เป็นขั้วอนุรักษนิยมการเมือง อยู่กับขุนศึกขุนนาง อะไรเหล่านั้น

ดังนั้น การออกมาทิ้งบอมบ์ใส่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็น่าจะเป็นการรุกเพื่อช่วงชิงการเป็นผู้นำของขั้วเดียวกันนี้นั่นแหละ

จึงทำให้ต้องนึกย้อนไปถึง บทความ 8 เหตุผลที่ผมไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก ของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่เคยทิ้งบอมบ์ใส่ พล.อ.ประยุทธ์เมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา

โดยข้อ 8 ของหม่อมอุ๋ยนั้น เน้นบุคลิกและการพูดจาของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยระบุถึงคำว่า ฉุนเฉียว ก้าวร้าว คำหยาบคาย ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะออกมาจากปากของคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ

ตอนนั้นเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่า หม่อมอุ๋ยแสดงท่าทีในนามของกลุ่มคนชั้นสูงในสังคมไทย ที่เริ่มไม่ยอมรับ พล.อ.ประยุทธ์ในหลายเรื่อง รวมทั้งบุคลิกและการพูดจา

หรือว่านี่เป็นช่วงเวลาเหมาะเจาะ ที่หนุ่มบุคลิกนักเรียนนอก พูดจาดีมีหลักการ จะขอเสนอตัวเป็นผู้นำในสนามเลือกตั้งของฝ่ายนี้แทนคนเดิม

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image