ประสบการณ์ต่างชุด

ผู้เขียนเคยคาดเดาเอาไว้ตั้งแต่ก่อนวันที่ 24 มีนาคม ว่า การเลือกตั้งรอบนี้มีแนวโน้มจะนำไปสู่ “การเมืองต่างรุ่น”

การประสบความสำเร็จบนสนามเลือกตั้งของ “พรรคอนาคตใหม่” ช่วยตอกย้ำประเด็นดังกล่าวได้ในเบื้องต้น

ถ้อยแถลงที่ห่วงใยเป็นกังวลต่อท่าที-จุดยืนทางการเมืองของเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยผู้ใหญ่ใน คสช.-กองทัพ ถือเป็นการช่วยตอกย้ำประเด็นเดียวกันให้หนักแน่นยิ่งขึ้น

เมื่อ “การเมืองต่างรุ่น” ปรากฏตัว สิ่งที่จะก่อกำเนิดตามมาพร้อมๆ กัน คือ การปะทะสังสรรค์ระหว่าง “ประสบการณ์ต่างชุด”

Advertisement

การปะทะสังสรรค์นี้มิได้ขึ้นอยู่กับว่าใครมีประสบการณ์มากกว่า-ใครมีประสบการณ์น้อยกว่า ใครผ่านโลกมามากกว่า-ใครผ่านโลกมาน้อยกว่า หรือใครอาบน้ำร้อนมาก่อน-ใครอาบน้ำร้อนทีหลัง

เพราะหากเป็นแบบนั้น ก็คงหมายความว่าคนรุ่นหนึ่งสามารถกำกับควบคุมความคิด-พฤติกรรมของผู้คนรุ่นอื่นๆ ในสังคมเอาไว้ได้

นั่นจึงย่อมมิใช่ “การเมืองต่างรุ่น”

Advertisement

ทว่าปรากฏการณ์ที่เรากำลังได้เห็น คือ กลุ่มคนผู้มี “ประสบการณ์” คนละชุด วิธีการมองโลกคนละแบบ และวิถีชีวิตคนละแนวทาง กำลังพยายามส่งเสียง-เสาะแสวงหาที่ทางของพวกตนในสังคมการเมืองแห่งเดียวกัน

เปล่าประโยชน์ที่คนกลุ่มหนึ่งซึ่งยังมีอำนาจมากกว่าและมีเสียงดังกว่า จะอ้างอิงตนเองเข้ากับ “ประสบการณ์” ชุดใดชุดหนึ่ง แล้วยืนกรานสั่งสอนป้องปรามผู้คนเจ้าของ “ประสบการณ์” อีกชุด

โดยไม่ยอมฟังเสียง-ไม่ทำความเข้าใจ กระทั่งหาเรื่องปิดกั้นโอกาสทางการเมืองของกลุ่มคนเหล่านั้น

ขณะเดียวกัน แม้ “โมเดลเก่าๆ” จากสถานการณ์ความขัดแย้งในอดีต เช่น 6 ตุลาคม 2519, พฤษภาคม 2535 หรือความขัดแย้งใหญ่ปี 2553 อาจช่วยสร้างกรอบความเข้าใจบางประการ ทั้งในมุมผู้ใช้อำนาจหรือผู้ถูกกระทำ

แต่โมเดล/กรอบความคิดจากอดีต คงไม่สามารถใช้อธิบายปัจจุบันได้ครบถ้วนสมบูรณ์

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้ากระแสอนุรักษนิยม-ขวาจัดที่ซัดกระหน่ำใส่ผู้นำพรรคอนาคตใหม่ในเวลานี้ ย้อนเวลากลับไปเกิดขึ้นเมื่อต้นทศวรรษ 2550

แทบทุกฝ่ายคงไม่เชื่อว่ากลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาตอบโต้-ท้าทาย-ตั้งคำถามต่อกระแสดังกล่าวจะกลายเป็น “วัยรุ่นในเมือง”

“วัยรุ่น” ผู้อาจจะเป็นลูกหลานของผู้ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่กำลังโกรธชังเคียดแค้นอยู่แน่นอก

“วัยรุ่น” ผู้เคยถูกวาดหวังว่าจะเป็น “เด็กดีไร้พิษภัย” ในอุดมคติของผู้ใหญ่

หรือถ้าย้อนกลับไปเมื่อราวทศวรรษก่อน คงไม่มี “นักการเมืองหน้าใหม่” คนไหน ได้รับเชิญไปออกรายการแนววาไรตี้บันเทิง ซึ่งแพร่ภาพผ่านโทรทัศน์ช่องหลัก/ไลฟ์เฟซบุ๊ก โดยมีฐานผู้ชมเป็นวัยรุ่นจำนวนมาก

ทั้งที่ในเวลาเดียวกัน “นักการเมือง” รายนั้น กำลังถูกระดมเล่นงานจากเจ้าหน้าที่รัฐ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งอันหนักหน่วง-แหลมคม-อันตราย

นี่คือมิติผิดแผกแปลกใหม่บางส่วน ซึ่งหลายๆ ฝ่ายต้องพยายามเรียนรู้ในยุคสมัยที่ “การเมืองต่างรุ่น” และ “ประสบการณ์ต่างชุด” ได้มาเผชิญหน้ากัน

ถ้าเราอดทน-ใจกว้างมากพอ ไม่ใจร้อน-หุนหันพลันแล่นไปเสียก่อน สังคมไทยคงมีโอกาสได้มองเห็นดอกผลงดงามของสภาวการณ์เช่นนี้ในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image