ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
“งูเห่า” ในแวดวงการเมืองหมายถึง ส.ส.ที่ไม่ปฏิบัติตามมติของพรรค
ส.ส.เหล่านี้นอกจากไม่ปฏิบัติตามมติพรรคที่สังกัดแล้ว ยังหันไปโหวตสนับสนุนสิ่งที่พรรคไม่เห็นด้วย
บรรดา ส.ส.ที่ตัดสินใจเช่นนี้มีทั้งเป็นกลุ่ม และมีทั้งเป็นรายบุคคล
ที่ผ่านมากรณี “งูเห่า” มักเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลได้บริหารประเทศไปแล้วระยะหนึ่ง
แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ ปรากฏกระแส “งูเห่า” ตั้งแต่ยังไม่ตั้งรัฐบาล
สร้างความงุนงงว่า ถ้าข่าว “งูเห่า” เป็นจริง พวกเขาจะมีหน้าไปพบกับชาวบ้านได้อย่างไร
เพราะก่อนหน้านี้กระแสแยกขั้ว 2 ข้างระหว่างเอา คสช. กับ ไม่เอา คสช. ชัดเจนมาก
พรรคการเมืองคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.และผู้สมัคร ส.ส.ก็เอานโยบายของพรรคไปหาเสียง
ผู้สมัครย่อมต้องไปบอกประชาชนตามที่พรรคให้แนวทางมา
เอา คสช. กับ ไม่เอา คสช.
ความชัดเจนดังกล่าวทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าคูหากาบัตรตามที่ตัวเองปรารถนา
ใครที่หนุน คสช.ก็ไปกาเลือก ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ และพรรคการเมืองที่สนับสนุน
ใครที่ไม่หนุน คสช.ก็ไปกาเลือก ส.ส.พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ และพรรคอื่นๆ
ยิ่งเมื่อการเลือกตั้งกระชั้นเข้าใกล้วันที่ 24 มีนาคม บนเวทีของการประชันนโยบาย มักจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองประกาศจุดยืน
สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่สนับสนุน
บางพรรคสนับสนุน บางพรรคไม่สนับสนุน และบางพรรคไม่ยอมบอก
ประชาชนผู้ใช้สิทธิได้ฟังก็ตัดสินใจไปกาบัตรวันที่ 24 มีนาคม
เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาซึ่งในที่สุดจะลงท้ายด้วยอะไรก็ตาม แต่ผลเลือกตั้งที่ปรากฏคือเจตนาของประชาชน
ผลที่ออกมา พรรคพลังประชารัฐชูเรื่องป๊อปปูลาร์โหวต
ผลที่ออกมา พรรคเพื่อไทยชูเรื่องจำนวน ส.ส.เขตที่ได้รับเลือก
พรรคการเมือง 2 พรรคชูจุดเด่นของตัวเองเพื่อช่วงชิงความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล
ถือเป็นเรื่องปกติ
พรรคการเมืองขั้วไหนฝั่งไหนที่รับปากกับประชาชนเอาไว้อย่างไรก็ทำตามที่ตัวเองรับปาก
พรรคประชาธิปัตย์มี 2 ความคิด แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะจบลงที่มติพรรค
ใครจะมองว่าเป็นเกมก็ต้องยอมรับ เพราะทั้ง 2 ความคิดแสดงออกมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว
แต่พฤติกรรมตามนิยามของคำว่า “งูเห่า” นี่สิ ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของคนไปใช้สิทธิ
คนไปเลือกตั้งครั้งนี้ ไปเลือกขั้ว เลือกพรรค เลือกนโยบาย
แต่สุดท้ายพอจะโหวตกันในสภา กลับมี ส.ส. “งูเห่า” ขึ้นมา
เท่ากับว่าฝืนเจตนารมณ์ของคนที่เลือก เพื่อสนองเจตนาของ “งูเห่า”
แบบนี้แหละที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ยังจะเรียกตัวเองเป็นผู้แทนราษฎรได้อย่างไร
ยังจะมีที่ยืนอยู่ในสังคมที่กำลังต้องการคนดีอีกหรือ