ผู้เขียน | ปราปต์ บุนปาน |
---|
เหตุการณ์วางระเบิด-วางเพลิงหลายจุดในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม ทิ้งปริศนาสำคัญๆ ไว้หลายข้อ
แต่ไม่ว่าคนก่อเหตุจะเป็นผู้ใด-ฝ่ายไหน ลงมือจากมูลเหตุอะไร หรือสุดท้ายแล้ว ภาครัฐจะมีบทสรุปให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ อย่างไร
เหตุ ระเบิดป่วนกรุง ครั้งนี้ บ่งชี้ว่าสังคมไทยยังคงมี ความขัดแย้ง ซ่อนแฝงอยู่
ประเทศไทยยัง ไม่ปกติ และมิได้ สงบ-เรียบร้อย-ปลอดภัย เหมือนดังภาพฝันของใครหลายคน
หลังเกิดเหตุป่วนเมือง ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านความมั่นคง จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โฟนอินให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวกับช่องยูทูบมติชนทีวี
อาจารย์สุรชาติคือผู้เชี่ยวชาญอีกคนที่เลือกจะ ไม่ฟันธง ระบุตัวผู้ก่อเหตุและสาเหตุของความวุ่นวายระลอกนี้ แต่ได้เลือกชวนสนทนา ในประเด็นที่เป็นภาพกว้างใหญ่กว่านั้น
ประการแรก โดยทั่วไป สถานการณ์วางระเบิด ณ ปัจจุบัน จะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ
(1) เหตุการณ์ระเบิดในประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมักเป็น การก่อการร้าย
(2) เหตุการณ์ระเบิดอันเกิดจากปัญหาการเมืองภายใน ในประเทศที่ระบบการเมืองยังมีปัญหา-ไม่ลงตัว
เหตุระเบิดประเภทหลังนี้ มักไม่นำไปสู่ความรุนแรงในระดับสูง ไม่มุ่งหวังทำลายชีวิต เพียงแค่มุ่งสร้าง เสียงดัง ให้ปรากฏในพื้นที่ข่าว
ประการถัดมา อาจารย์สุรชาติได้ชวนมองภาพรวม ซึ่งกรุงเทพฯ เคยเผชิญหน้าเหตุระเบิดใหญ่มาแล้วหลายครั้งตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สอดคล้องกับวางระเบิดตาม เมืองใหญ่ อีกหลายแห่งในบริบทนานาชาติ
หากพิจารณาในแง่นี้ กรุงเทพมหานครจึงเป็นเมืองใหญ่ที่มีความเปราะบางด้านความมั่นคง ไม่ต่างจากเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก
ดังนั้น โจทย์ปัญหาท้าทายหลังวันที่ 2 สิงหาคม 2562 ก็คือ การต้องครุ่นคิดถึงปัญหา ความมั่นคงของเมือง อย่างเข้มข้นจริงจัง
นักวิชาการผู้นี้เสนอแนะให้รัฐบาลหันมามองและทำงานด้าน ความมั่นคงในมิติใหม่
ความมั่นคง ซึ่งมิได้กินความแค่การพัฒนาศักยภาพของกองทัพ ผ่านการทุ่มเทงบประมาณให้แก่การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์
ทว่ายังหมายถึงการพัฒนาระบบที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้เมือง และการสื่อสารให้ประชาชนตระหนักรู้ในปัญหา โดยไม่ตื่นกลัวและวิตกกังวล
ที่สำคัญ อาจารย์สุรชาติเตือนว่า เวลาเกิดเหตุการณ์ระเบิดใน เมืองใหญ่ รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ควรออกมาให้ความมั่นใจกับสาธารณชนว่าตนเองสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว และมีการชี้แจง-จัดเตรียมมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างชัดเจน
แต่สิ่งที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงไม่พึงกระทำ ก็คือ การรีบออกมาพูดจาหรือชี้นิ้ว ฟันธง ในทันทีว่า กลุ่มใดเป็นผู้ก่อเหตุ โดยปราศจากพยานหลักฐานชัดเจน
นี่เป็น บทเรียน ที่เกิดขึ้นภายหลังวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม