สถานีคิดเลขที่ 12 : เลือกซ่อม-เดิมพันรัฐบาล

มีอย่างน้อย 2 เขต ต้องจัดเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่
พื้นที่หนึ่งเป็นของพรรคพลังประชารัฐ เก้าอี้ ส.ส.เขต 2 กำแพงเพชร ของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา
อีก 1 เขต เป็นที่นั่ง ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 5 นครปฐม เนื่องจาก จุมพิตา จันทรขจร ลาออก
2 เขตเลือกตั้งนี้สำคัญยิ่ง โดยเฉพาะต่อฝ่ายรัฐบาล จำเป็นต้องรักษาเก้าอี้ไว้ให้ได้
อย่างน้อยต้องไม่ขาดทุน ยึดเขต 2 กำแพงเพชร กลับมา
ทั้งนี้ เนื่องจากเสียงรัฐบาลปริ่มน้ำ เกือบมิดจมูกแล้ว

จากเริ่มต้น แต่แรก เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก 254 เสียง
แต่ปัจจุบันสภาพน่าวิตกกังวลเพียงใด จับสัญญาณจากน้ำเสียง วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ก็น่าจะรู้
‘ตอนนี้ฝ่ายรัฐบาลเหลือทั้งหมด 249 จาก 251 เสียง แต่ยืนยันว่ายังอยู่กันได้ เพราะ ส.ส.ในสภาตอนนี้มีเพียง 498 คน ไม่ถึง 500 คน ประธานสภาและรองประธานสภา ก็ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาร่วมโหวตในการลงมติแต่ละครั้ง เพราะการลงมติแต่ละครั้ง มี ส.ส.ลงคะแนนเพียง 450-460 คน โดยประมาณ’
เสียงข้างมากของฝ่ายรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎร แม้มิได้ถึงขั้นลดฮวบฮาบ กลายเป็นเสียงข้างน้อย
แต่การที่หายไปทีละเสียงสองเสียง จากการถอนตัวของพรรคเล็กบ้าง ส.ส.ติดบ่วงคดีตกเก้าอี้บ้าง เพิ่มแรงกดดันต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
เพราะทุกเสียงมีความหมาย

กว่าจะเก็บสแปร์ทีละ 1 ที่นั่ง เพิ่มจำนวนเสียงที่เป็นรองในระยะแรกการฟอร์มรัฐบาล กระทั่งกลายเป็นเสียงข้างมากได้ต้องใช้ปาฏิหาริย์มากมาย
ฉะนั้น การหายไป 1 เสียง 2 เสียง จึงมองข้ามไม่ได้
จำเป็นต้องห้ามเลือด หยุดเลือด
เนื่องจากจำนวนเสียงนั้น มีความสำคัญต่อการดำรงสถานะความเป็นรัฐบาล และส่งผลต่อการบริหารราชการแผ่นดิน หากไร้ซึ่งเสถียรภาพ ความเชื่อมั่นหดหาย ไม่มีหลักประกันความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบาย    ก็ยากที่จะเกิดกิจกรรม การลงทุน ขยายกิจการ ต่อยอดการพัฒนาประเทศ
249 เสียงของรัฐบาล ณ ปัจจุบันขณะนั้น
เป็นตัวเลขบวก ลบ จากจำนวนเต็ม 254 เสียง หัก 2 พรรคเล็กถอนตัว ประธานสภาผู้แทนฯและรองประธานอีก 2 เท่านั้น
ยังไม่หักจากกรณีไวพจน์อีก 1 ที่นั่ง
หากนับรวมด้วยก็จะอยู่ที่ 248 ที่นั่ง เป็น 248 จากจำนวนเต็มในสภา 498 คน
ต่ำกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนเต็ม 500 คน
น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขแท้จริง ณ ปัจจุบัน กึ่งหนึ่ง 498 คือ 249
ฉะนั้น พื้นที่เลือกตั้งซ่อม 2 เขตเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐจะสูญเสียที่นั่งให้กับคู่แข่งฝ่ายตรงกันข้ามอีกมิได้เด็ดขาด

อย่างต่ำก็ต้องรักษา 1 ที่นั่งเดิมเอาไว้ และตั้งเป้าหมายสูงถึงการแย่งอีก 1 ที่นั่งเดิมของฝ่ายค้านพรรคอนาคตใหม่มาครองให้ได้
ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามรักษา ประคองเสียงก้อนใหญ่มิให้แตก หล่นหาย ตีจากระหว่างทางอีก
ไม่ว่าจะเป็นของพรรค 1 เสียง หรือกี่เสียงก็ตาม
ด้านหนึ่ง เพื่อลดการต่อรอง ถอนตัว เนื่องจากยิ่งเสียงหมิ่นเหม่ พรรคไม่กี่เสียงก็มีอำนาจต่อรองมาก
เมื่อเกิดการต่อรอง-ร้องขอ และถึงขั้นยอมไม่ได้อีกต่อไปก็ย่อมจะเกิดปัญหากรณีพรรคลิง แตกหักอย่าง        ที่ผ่านมา
อีกด้าน อนาคตข้างหน้านั้นไม่แน่ไม่นอน อาจต้องเลือกตั้งใหม่ เลือกตั้งซ่อมอีก
หากไม่สามารถรักษาจำนวนเสียงที่ต่ำอยู่แล้วไว้ได้
กำลังภายในสูงส่งเพียงใด ก็ประคองรัฐนาวาเรือเหล็กไปต่อมิได้ รอวันล่มจมน้ำสถานเดียว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image