รัฐบาลอุตส่าห์ประกาศวันหยุดพิเศษในวันจันทร์ที่ 4 และ 5 พฤศจิกายนนี้ สำหรับพื้นที่ กทม.และนนทบุรี เพื่อระบายผู้คนรถราออกไปจากเมืองหลวง เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนของผู้นำชาติต่างๆ ที่เดินทางมาร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในขณะนี้
เชื่อว่าตั้งแต่เย็นวันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน คนกรุงเทพฯก็คงเริ่มหลั่งไหลออกไป สนองรับวันหยุดยาว 4 วันกันเต็มที่
ถือเป็นการช่วยชาติอย่างหนึ่ง นั่นคือ ทำให้เมืองหลวงลดความแออัด ท้องถนนลดความหนาแน่นของการจราจร
ทำให้งานใหญ่ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ง่ายดายและดูดีมากขึ้น
แต่ทั้งหมดนี้คงไม่ได้หวังผลแค่ลดปัญหารถราติดขัด แต่น่าจะรวมถึงเพื่อรองรับมาตรการการอารักขาและรักษาความปลอดภัยด้วย
งานนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ระดมกำลังตำรวจหลายหน่วยกว่า 1 หมื่นนาย เข้าประจำการจุดต่างๆ และเตรียมพร้อมเคลื่อนที่เร็วเพื่อแก้ไขสถานการณ์
โดยสถานการณ์ที่น่าห่วงใยในวันนี้ ไม่ใช่ภาพเดิมเหมือนเหตุการณ์ล้มประชุมผู้นำอาเซียน ที่พัทยา เมื่อปี 2552
วันนี้ม็อบการเมืองไม่มี ความขัดแย้งทางการเมืองมีเวทีสภาให้ต่อสู้กันเปิดเผยชัดเจนและสันติ
สถานการณ์ที่ต้องจับตาสำหรับการประชุมอาเซียนหนนี้ คงเป็นบทเรียนจากกรณีระเบิดปั่นป่วนนับสิบจุด เมื่อ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นมีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในไทยพอดี
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่คำสั่งของ ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง เน้นเข้มข้นเรื่องงานข่าวกรอง การติดตามตัวบุคคล แกะรอยกันตั้งแต่พื้นที่ชายแดนใต้สุดขึ้นมาถึง กทม.
ร้านค้าร้านจำหน่ายวัสดุเคมีภัณฑ์ตรวจเช็กกันละเอียด
แต่เชื่อว่า ตำรวจเตรียมพร้อมกันขนาดนี้ ทั้งการตรึงกำลังตามจุดสำคัญๆ ทั้งงานสืบสวนหาข่าวโดยมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนล่วงหน้า คงเป็นการป้องปรามที่ได้ผลอย่างดี
ตอนที่ลงมือเมื่อ 2 สิงหาคมนั้น เป็นการเดินทางขึ้นมาจากจังหวัดชายแดนใต้ แบบมาเงียบๆ แล้วก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
แต่การประชุมอาเซียนวันนี้ ป้องกันอย่างดีเยี่ยม จนน่าจะสกัดกั้นป้องกันได้อยู่หมัด
ส่วนจะถึงขั้น เป็นดังที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาให้ข้อมูลว่า มีทีมผู้ก่อเหตุจากภาคใต้ 100 คน เดินทางเข้ามาแล้วหรือไม่นั้น
ประเด็นนี้ ทำให้ผู้รับผิดชอบดาหน้าออกมาตอบโต้ ทั้งปฏิเสธข่าวและทั้งมองว่าเป็นการพูดจาทำให้เกิดความปั่นป่วน
ยิ่งนายมงคลกิตติ์ หรือพี่เต้ เล่นพกสารตั้งต้นระเบิดเข้ามาทดลองเครื่องตรวจจับระเบิดของสภา ก็เลยยิ่งเละกันเข้าไปใหญ่
กลายเป็นเรื่องพิลึกและพิเรนทร์เกินไป
งานนี้คือทำหลุดมือ ตูมใส่ตัวเองแท้ๆ