สถานีคิดเลขที่ 12 : โควิดยิ่งกว่าแฟลชม็อบ : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

สถานีคิดเลขที่ 12 : โควิดยิ่งกว่าแฟลชม็อบ : โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

ส่วนหนึ่งมาตรการเยียวยา 5 พันบาท และค่านั่นค่านี่ ที่รัฐบาลงัดออกมาใช้ เพื่อบรรเทาผู้เดือดร้อนจากพิษภัยโควิด ช่วยให้หลายคนรู้สึกว่า รัฐบาลยังพอเป็นที่พึ่งได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เสียงบ่นถึงความไร้ประสิทธิภาพเป็นไปอย่างกว้างขวางมาก
แต่ก็คงเฉพาะคนที่ได้รับผลจากการเยียวยาเหล่านี้ที่หันมาชื่นชม ขณะที่คนส่วนอื่นๆ ก็คงยังมองรัฐบาลด้วยสายตาอีกแบบอยู่ต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรในแวดวงแพทย์ พยาบาล สาธารณสุข ที่เหนื่อยหนัก เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แต่ก็อยู่ท่ามกลางความขาดแคลนอย่างสาหัส

อันที่จริงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในทางการเมือง ดังกระหึ่มมาตลอดก่อนหน้านี้

พอมาเจอวิกฤตโควิดตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นมา ทุกอย่างต้องหยุดหมด

Advertisement

วันนี้อะไรๆ ก็ต้องโควิด ด้วยเป็นโรคระบาดที่แพร่ขยายอย่างน่ากลัว

ทำเอาบรรดาคอการเมืองถึงกับบ่นอุบว่า โชคดีมากๆ สำหรับรัฐบาล เมื่อโควิดมา ทำเอาแฟลชม็อบของนักศึกษาที่กำลังร้อนแรงได้ที่ ต้องหยุดลงทันที

ส่วนหนึ่งก็เป็นความจริง หน้าสิ่วหน้าขวานด้านไวรัสอย่างนี้ ใครจะมารวมตัวกันเพื่อตะโกนไล่รัฐบาลได้อีก

Advertisement

โควิด หยุดกระแสต้านรัฐบาลทางการเมืองได้จริงๆ

แต่โควิดช่วยให้รัฐบาลดูดีมีราศีขึ้นหรือไม่ คงไม่จำเป็นต้องให้คำตอบอะไร

เวลานายกรัฐมนตรีออกมาแถลงเรื่องโควิดด้วยตัวเอง บางครั้งก็ซูบผอมห่อเหี่ยว บางครั้งดูตั้งหลักได้ดี แต่น้ำเสียงก็ไม่หนักแน่นชัดเจน

ครั้นจะผนึกพลังคนไทยให้รวมใจกันร่วมกับรัฐบาลเพื่อผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปด้วยกัน จับมือกัน ชูมือ 2 ข้างขึ้นร่วมกัน เพื่อประกาศก้องว่าประเทศไทยต้องชนะ

ก็ไม่มีผลปลุกผู้คนอะไรได้สักเท่าไร

เพราะเรื่องแบบนี้ จู่ๆ จะมาปลุกเร้าปลุกกระแสชาตินิยม โดยไม่มีพื้นฐานสนับสนุนที่ดีพอ ก็คงเป็นไปได้ยาก

สถานการณ์รัฐบาลในการเผชิญกับโควิด จึงเริ่มเกิดข้อสรุปใหม่จากบรรดาคอการเมืองทำนองว่า โควิดหยุดการเมืองได้ก็จริง ช่วยรัฐบาล ในการหยุดแฟลชม็อบนักศึกษาได้ก็จริง

แต่การแก้ปัญหาโรคระบาดไวรัส กลายเป็นส่งผลต่อรัฐบาลอ่วมอรทัย หนักหนากว่ากระแสการเมืองก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ

วิกฤตโควิดทำเอารัฐบาลขาขวิดเดินเป๋ ยิ่งกว่ามรสุมการเมืองก่อนหน้านี้เสียอีก

กระนั้นก็ตาม สถานการณ์ไวรัสระบาด ยังคงทอดเวลาไปอีกไม่น้อย ก็ขึ้นกับรัฐบาล จะเริ่มตั้งหลักได้หรือไม่
จะเริ่มลุกขึ้นมาแสดงภาวะผู้นำในการเผชิญหน้ากับวิกฤตโรคภัยไข้เจ็บได้ดีขึ้นหรือไม่
มาตรการดูแลช่วยเหลือประชาชน ก็ต้องดูกันต่อไปว่าจะช่วยได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยกว่าที่ผ่านมาหรือเปล่า

สำคัญสุดคือ การจัดสรรงบประมาณอย่างจริงจังกล้าหาญ เพื่อเอามาดูแลสนับสนุนแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะสามารถยกระดับขึ้นมาได้หรือไม่

ทุ่มเทการค้นคว้าวัคซีน หยูกยาสู้กับโควิด ได้จริงจังขึ้นไหม

แผนการกอบกู้เศรษฐกิจให้ฟื้นกลับมาหลังจากนี้ จะอัดฉีดธุรกิจ กิจการใหญ่น้อยในประเทศได้ดีขนาดไหน

เหล่านี้จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า หลังผ่านมรสุมโควิด รัฐบาลจะยืนอยู่ได้หรือจะไปพร้อมกับโควิด

ที่แน่ๆ ไม่ใช่กำลังเดือดร้อนอลหม่านอยู่กับไวรัส จู่ๆ ก็จะปล่อยเรือยกพลขึ้นบกโผล่ออกมา อย่าได้มีอีก

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image