ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
รัฐบาลชู พ.ร.ก.เป็นยาขนานเอก แก้ระบาดไวรัสโควิด-19 และถอนพิษ เยียวยา ฟื้นฟู เศรษฐกิจพังพินาศ
พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกาศบังคับใช้ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา
อีกฉบับที่จะออกตามมา คือ พ.ร.ก.ให้อำนาจกู้เงิน ที่รัฐเตรียมผลักดัน ใช้เป็นเครื่องมือแก้ปัญหา ควบคู่ไปกับการ บริหารจัดเม็ดเงิน ในระบบงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อนำมาใช้ในการนี้
พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ บังคับใช้มา 1 สัปดาห์เต็ม
แต่ตัวเลขผู้ป่วย ติดเชื้อ ยังไม่เป็นที่พอใจ
รัฐบาลเพิ่มความเข้มข้นอีกระดับ ประกาศเคอร์ฟิวทั่วราชอาณาจักร ห้ามออกจากเคหสถานระหว่าง 4 ทุ่มถึงตี 4
และหากประเมินผล 7 วัน สถิติไม่ดีขึ้น จะทบทวนขยายเวลาเคอร์ฟิว อาจถึงขั้นเต็มเพดาน ห้ามออกจากบ้าน 24 ชั่วโมง
หลายประเทศที่เผชิญปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสมรณะอยู่ในขณะนี้
มีวิธีบริหารจัดการแก้ปัญหา แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และบริบทของประเทศนั้นๆ
แต่การประกาศภาวะฉุกเฉิน ปิดเมือง ปิดประเทศ สถานที่เสี่ยง ห้ามออกจากบ้าน โมเดลนี้ ได้รับความนิยมแพร่หลาย ในการนำมาใช้ตัดวงจรระบาดจากคนสู่คน
เช่นเดียวกับการอัดฉีดเงินพิเศษเข้าไปในระบบ เพื่อช่วยประชาชน เยียวยา กอบกู้ความบอบช้ำ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
แต่ละประเทศวงเงินมากน้อย ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการประเมินความเสียหาย และฐานะการคลังเป็นหลัก
ตัวเลขฮิต อยู่ที่ประมาณร้อยละ 10 ของจีดีพี
ในส่วนของไทย ครม.นัดพิเศษ ให้ความเห็นชอบชุดมาตรการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจในระยะที่ 3 ใช้ช่วง 6 เดือนข้างหน้า
มาตรการทั้งหมดมีขนาด 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (16 ล้านล้านบาท) มาจากการเกลี่ยงบประมาณ ของงบประมาณ 2563 บางส่วน และวงเงินหลักมาจากกู้ยืม โดยออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงิน
เท่ากับว่า รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.อย่างน้อย 2 ฉบับแก้ปัญหานี้
ฉบับแรกใช้ระงับยับยั้งแพร่ระบาดโดยตรง ฉบับที่สองใช้ถอนพิษความเสียหาย
การใช้กฎหมายพิเศษ 2 ฉบับในเวลาเดียวกัน มิได้ปรากฏบ่อยครั้งนัก
การเกิดขึ้นแต่ละครั้ง แน่นอนว่า แสดงว่ากลไกปกติ ใช้ไม่ได้ผล ไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษ
แต่การเทหมดหน้าตัก ใช้เครื่องมือสูงสุด
โดยตัวของเครื่องมือ ไม่ได้แก้ปัญหาได้โดยอัตโนมัติด้วยตัวของมันเอง
จะเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนใช้เครื่องมือเป็นหลัก นั่นก็คือ รัฐบาล
ถามว่า พ.ร.ก.บริหาราชการฉุนเฉินจำเป็นหรือไม่ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินจำเป็นหรือไม่
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่จำเป็น
อาจอย่างยิ่งยวดด้วยซ้ำ
เพราะแทบไม่มีเสียงคัดค้านให้ได้ยิน
นั่นแสดงว่า ประชาชน นักการเมือง ฝ่ายวิชาการ ใครต่อใครต่างคาดหวังผลจากมาตรการยาแรง พ.ร.ก. 2 ฉบับ จึงให้โอกาสรัฐบาลอย่างเต็มที่
ไม่ขัดขวาง ไม่ทำตัวเป็นอุปสรรค
มองข้ามเรื่องการเมือง การบริหารแม้ในยามปกติแท้ๆ ก่อนเกิดวิกฤตโควิด ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก
แต่ฝากความหวังไว้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการแก้ปัญหาโควิด และผลกระทบ
แม้แต่ใช้เครื่องมือสูงสุดแก้ปัญหา ก็ไม่มีใครตำหนิ โจมตี
จากนี้ไปจึงขึ้นอยู่กับรัฐบาล จะหยิบฉวยสถานการณ์นี้ มาพลิกฟื้นสร้างความนิยมให้บังเกิดขึ้นได้หรือไม่
หากแก้ปัญหาได้ ไม่เสียของซ้ำซาก
เทปเก่าความล้มเหลว นับเนื่องมาแต่ครั้งปฏิวัติ ก็อาจถูกลบทิ้งโดยปริยาย
วิกฤตเป็นวิกฤต หรือเป็นโอกาส แสดงความสามารถ ฝีไม้ลายมือ
ครั้งนี้เป็นบททดสอบที่สำคัญ