สถานีคิดเลขที่12 : เพื่อนท้องอิ่ม : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

แม้ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)

จะให้คนใน พปชร. ยุติการเคลื่อนไหว ปรับคณะรัฐมนตรี และเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหาร พปชร.แล้วก็ตาม

แต่ ความเคลื่อนไหว ก็ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้ โฟกัสไปยังเกม ให้กรรมการบริหารพรรคปัจจุบัน 34 คน ลาออก ครึ่งหนึ่ง คือ 18 คน

Advertisement

เพื่อให้ นายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค โดยปริยาย

แล้วเปลี่ยน “หัว” กันใหม่ จากนั้นคืบไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี ในที่สุด

Hungry (อำนาจ) Game จึงไม่ได้ยุติอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร สั่ง

Advertisement

เมื่อไม่ยุติ ฝ่ายที่ ถูกแซะเก้าอี้ ก็ต้องสู้

โดยจับอารมณ์ของสังคมคือ ขณะที่ประชาชนกำลังท้องหิวจากปัญหาเศรษฐกิจเพราะการระบาดของไวรัส โควิด-19 มารุกกลับ

ด้วยการโจมตี ฝ่ายแซะเก้าอี้ ทำไมมาเล่นเกมหิวอำนาจ ชิงตำแหน่งกันอยู่ไม่คิดถึงชาวบ้าน

ซึ่งก็ได้ผล กระแสตีกลับ ฝ่ายรุกกลายเป็นฝ่ายถอย ถูกสั่งให้หยุดเคลื่อนไหว

แต่มาถึงขนาดนี้แล้ว ฝ่ายแซะเก้าอี้จะให้กลับมือเปล่าก็คงไม่ได้ มีช่องไหนพอสู้ได้ก็สู้ต่อไป

อย่างเกมลาออกจากกรรมการบริหาร ที่กล่าวถึงตอนต้น ก็เป็นอีกเกมหนึ่งที่นำมาใช้

ซึ่งก็มีลุ้น เห็นว่าตอนนี้ มีกรรมการบริหารพรรคลาออกเกือบถึงเป้าแล้ว

เมื่อ ฝ่ายแซะ ไม่จบไม่เลิก

ฝ่ายถูกแซะ ก็ย่อมต้องสู้ต่อไป

และแนวทางต่อสู้หนึ่ง คือ การหาเพื่อนหรือแนวร่วมในพรรค

ทั้งนี้ ฝ่ายที่ถูกแซะ รู้จุดอ่อนตัวเอง ดีแล้ว นั้น คือถูกกล่าวหาว่า ไม่ดูแล ส.ส.

ปล่อยให้ท้อง “หิว” น่าเวทนา

รู้เช่นนี้แล้ว ฝ่ายที่ถูกแซะ ย่อมแลเห็นของวิเศษในมือ ที่จะทำให้ ส.ส.หันมารัก หรือ ภักดีได้

เอาในเบื้องต้น

มีคนชี้ชวน ให้จับตา โครงการเงินกู้ 4 แสนล้านบาทเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ให้ดีๆ

ที่ตอนนี้ ว่ากันว่า จะเริ่มคิกออฟแล้ว

โดยในช่วง 3-6 เดือน ข้างหน้านี้ จะเร่งปูพรมเงิน 4 แสนล้านบาท ออกไป

ด้วยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานต่างๆ ทั้งกองทุนหมู่บ้าน มูลนิธิ เสนอจัดทำโครงการพัฒนาท้องถิ่น

ประกอบด้วย

1.การพัฒนาอาชีพเกษตรดั้งเดิม

2.การพัฒนาแหล่งน้ำรองรับภาคเกษตรในชนบท

3.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวในชุมชน เตรียมรองรับการท่องเที่ยวในประเทศหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย นำไปสู่การท่องเที่ยวยั่งยืน

4.การพัฒนาด้านการผลิต การตลาดออนไลน์ ขนส่งสินค้ากระจายจากชุมชนไปยังภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ชุมชนหันมาเน้นทำตลาดออนไลน์มากขึ้น

5.การพัฒนาบุคลากร จากหลายหน่วยงาน ทั้งการท่องเที่ยวฯ มหาวิทยาลัย เพื่อฝึกอบรมแรงงาน นักศึกษาจบใหม่ เพื่อให้มีงานทำ

ถือว่าเปิดกว้าง อย่างยิ่ง

แต่การเปิดกว้างดังกล่าว อย่างที่บอก จับตาให้ดี

ส่วนหนึ่งอาจถูกนำไปใช้เพื่อสร้าง “เพื่อน” ได้อย่างวิเศษ

อย่าไปเชื่อหากใครมาอ้างว่า เงิน 4 แสนล้านบาทนี้ ห้ามนักการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือเสนอโครงการ

ไม่มีใครไร้เดียงสาทำการโต้งๆ อย่างนั้นหรอก

เขามีวิธีการที่ยากจะจับได้มั่น คั้นให้ตาย

แต่สามารถทำให้เพื่อนและพรรคพวกแห่มารักได้อย่างง่ายดาย

ด้วยหลายๆ โครงการ อาจถูก “ออกแบบ” มาสำหรับ เพื่อน โดยเฉพาะ

ซึ่งตรงนี้น่าห่วง
น่าห่วงที่เงิน (ของเรา) จะรั่วไหล

ยิ่ง การตรวจสอบของสภา ทำได้อย่างมีข้อจำกัด ก็ยิ่งน่าห่วง

ดังนั้นทำใจไว้เถิดว่าการทำให้เพื่อนท้องอิ่ม เพื่อมีแรงสนับสนุนฝ่ายตนเองในพรรค

เกิดขึ้นแน่

จะหวังให้เกรงใจชาวบ้านที่ท้องกำลังหิว (จริงๆ) ไม่มีทาง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image