| ผู้เขียน | จำลอง ดอกปิก |
|---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : เฟสสุดท้าย : โดย จำลอง ดอกปิก
รัฐบาลปลดล็อกเฟส 4
ไฟเขียวกิจกรรม กิจการร้อน ความเข้มสูงอีกระดับ ที่เห็นว่าสุ่มเสี่ยงต่อการระบาด
เหลืออีกไม่กี่ประเภทกิจการเท่านั้น ยังไม่อนุญาตเปิด เนื่องจากเสี่ยงสูงสุด
นอกจากนี้ ยังประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว ห้ามออกจากเคหสถาน อุปสรรคการทำมาหากิน
คืนสิทธิ เสรีภาพ ใช้ชีวิตปกติแก่ประชาชนอีกระดับ
แต่ยังคง บังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน กฎหมายตัวแม่ของข้อกำหนด
อย่างน้อยถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ตามการมีมติขยายต่ออายุครั้งที่ผ่านมา และมีแนวโน้มว่า เมื่อครบ 3 เดือนแล้ว อาจขยายออกไปอีก 1 เดือน
ถัดจากกรกฎาคมก็ไม่แน่ว่าจะยกเลิก ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ของรัฐบาลว่า จะฉีกทิ้ง หรือยืดขยายออกไปเรื่อยๆ ตามเหตุผลข้ออ้าง ยังจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษนี้
ไม่มีฉบับไหนทดแทน ใช้การได้ สารพัดประโยชน์เทียมเท่า
รวมถึงใช้เป็นวัคซีนป้องกันฟ้องร้อง คำสั่งปิดน่านฟ้า ที่ตามมติล่าสุด 12 มิถุนายน ยังคงคำสั่งเอาไว้ต่อไป
และไม่เพียงแต่น่านฟ้า
หากแต่รัฐคงมาตรการ ควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้งหมด ทั้งทางบก ทางน้ำอีกระยะ
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดให้ทำกิจกรรม กิจการในประเทศมากขึ้นเป็นลำดับ เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ภายในประเทศในห้วงเวลาหนึ่ง ซึ่งโดยทั่วไปยึดถือเอาเกณฑ์ 15 วัน เป็นตัวหลัก ประกอบการพิจารณาตัดสินใจ
หลายประเทศในยุโรป ที่ออกตัว ก่อนหน้าไทย
คลายล็อกดาวน์ 100% เปิดให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ ส่วนใหญ่ยังคงมาตรการเข้มไว้ ปิดพรมแดนต่อไป
ยังไม่เปิดให้มีการเดินทางเข้า ออกประเทศเสรี
แต่ก็นำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ทั้งหมด เนื่องจากมีทั้งความเหมือน ความต่าง และบริบทแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน แม้ใช้กฎหมายพิเศษ เนื้อในก็ต่างกัน
กล่าวสำหรับประเทศไทย
การคง พ.ร.ก.ไว้ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เมื่อเทียบกับเรียลไทม์สถานการณ์ปัจจุบันแล้ว เหตุผลในการใช้สกัดกั้นโรคระบาดโดยตรงไม่มี
ที่ฝ่ายค้าน และนักวิชาการรุกถาม คือถ้าเป็นเช่นนั้น มีความจำเป็นใด ที่ต้องดำรงคงไว้
หรือสกัดกั้น ขู่ปรามชุมนุม ความเคลื่อนไหวการเมือง
แต่คำตอบจากรัฐบาล ยังคงเป็นคำตอบเดิม แม้มีรูปธรรมการจับกุม อดีต ส.ส. นิสิต นักศึกษา ผู้เคลื่อนไหว โดยข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ก็ตาม
ขณะที่สังคม ฟากฝ่ายต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ เห็นว่า การคงเครื่องมือนี้ไว้ มีผลเสียมากกว่า
รัฐบาลกลับ มองตรงข้าม เป็นผลดีมากกว่าเสีย
และเป็นผลดีต่อการบริหาร ไม่ใช่งานการเมือง ซึ่งเมื่อเปิดให้ดำเนิน กิจกรรม กิจการต่างๆ มากขึ้น เกือบ 100% นับแต่ 15 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป
คงจะมีคำตอบในไม่ช้าว่า ในขณะที่เข้าสู่โหมดการฟื้นฟูประเทศที่บอบช้ำ พังพินาศจากพิษโควิด
กฎหมายฉบับนี้มีด้านดี ต่อการเปิดให้ ทำมาค้าขายได้ตามปกติ (แบบมีเงื่อนไข) เพื่อให้เครื่องเดิน หล่อเลี้ยงอยู่ได้โดยระบบ จริงแท้แค่ไหน
หรือว่าเป็นอุปสรรค
ไม่เอื้ออำนวยต่อกิจกรรมเศรษฐกิจ การเมือง ไม่ส่งเสริมบรรยากาศ ของการใช้วิถีทางปกติ แก้ปัญหา
เพื่อที่จะได้จัดยาให้ถูกโรค
เนื่องจาก เสียงของผู้ประกอบการ ภาคส่วนต่างๆ ที่ได้รับผล
กระทบรุนแรง ไม่สามารถสะท้อนผ่านวิธีปกติได้ อาจถูกตัดตอน กดทับ
ปัญหาที่เผชิญไม่ได้รับการคลี่คลาย บรรเทา
ทั้งที่เข้าสู่ การนับหนึ่ง เฟสสุดท้ายของจริง ที่ว่ากันว่า ครั้งนี้อาจเป็นฤดูหนาวที่มืดมนยาวนานที่สุดของภาคเศรษฐกิจ-ธุรกิจไทย
หากประคองตัว ก้าวข้ามผ่านได้ โดยการทำงานอย่างใกล้ชิดของภาครัฐและเอกชน
การล่มสลายในทางเศรษฐกิจก็จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรง โดมิโนถึงรัฐบาล
ไม่นานจากนี้คำตอบจะชัด
จำลอง ดอกปิก
