สถานีคิดเลขที่12 : ปรับง่าย-โจทย์ยาก โดย จำลอง ดอกปิก

ในมิติการเมือง การปรับ ครม.ครั้งนี้ ไม่น่ายากนัก

ทั้งนี้ เนื่องจากมีเก้าอี้รัฐมนตรีว่าง อย่างน้อย 4 ตำแหน่ง รองรับการใช้บริหารจัดการ ปัญหามุ้งการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังมิได้รับการจัดสรรตำแหน่ง หรือต้องการขยับฐานะให้สูงขึ้น ตามการเปลี่ยนแปลงบทบาท หน้าที่ในพรรค

ไม่เพียงแต่ 4 ตำแหน่ง เดิมของ 4 กุมาร อันประกอบด้วย รองนายกฯ และ 3 ว่าการ กระทรวงการคลัง พลังงาน และการอุดมศึกษาฯ เท่านั้น

หากยังมีบางเก้าอี้ อันเป็นโควต้านายกฯ ที่สามารถเวนคืน นำมากระจายให้กับ ส.ส.พลังประชารัฐ กลุ่มที่ยังไม่มีที่นั่งรัฐมนตรี ได้อีกด้วย

Advertisement

แม้ไม่อาจเรียกได้ว่า เหลือเฟือ

แม้อาจจำเป็นต้องกันบางตำแหน่ง ไว้สำหรับคนนอก นักบริหารมืออาชีพ กระทรวงเศรษฐกิจสำคัญก็ตาม

แต่กระนั้น ก็เพียงพอ ใช้แก้แรงกดดันในพรรคแกนนำรัฐบาล

Advertisement

มองผ่านเก้าอี้ที่มีอยู่ในมือ เห็นชัดเจนว่า เพียงพอต่อการบริหารการเมือง จำกัดวงกระเพื่อม ให้อยู่ในระดับเหมาะสมได้

ไม่เป็นปัญหา

แต่หากเอาไม่อยู่ จะด้วยเหตุใดก็ตาม

การได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่

เมื่อตัวจริง เสียงจริง ขึ้นคุม

ใคร มุ้งไหน จะกล้าหือ แตกแถว ไม่พอใจ หากปรับ ครม.แล้ว ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี หรือได้เก้าอี้ ไม่ตรงกับที่หมายตา ต้องการ

ในทางการเมือง จึงมองไม่เห็นประเด็นปัญหา ความยุ่งยากในการปรับ ครม.ครั้งนี้

แม้มีภาพ มีความเคลื่อนไหวปรากฏในขณะนี้ คล้ายกับเกิดความขัดแย้งรุนแรง มีการแบ่งกลุ่ม แย่งชิงตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีอย่างชัดเจน

แต่ภาพความเคลื่อนไหว ต่อรอง เรียกร้องเก้าอี้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมือง อันเกิดขึ้นทุกครั้ง ทุกยุคสมัยในฤดูกาลปรับ ครม.

ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด มิใช่ปัญหาแต่อย่างใด

ที่เป็นปัญหาไม่ใช่เรื่องการเมืองอีกต่อไป เพราะจบตั้งแต่ 4 กุมารลาออกแล้ว

จบการปรับเพื่อแก้ปัญหาการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ อันเนื่องมาจาก ความไม่พอใจที่มีต่อกลุ่ม 4 กุมาร

มีการส่งคืนเก้าอี้ครบทุกตำแหน่ง จะนำไปจัดสรร แต่งตั้งใครก็ได้

แต่ที่ต้องนำกลับมาคิดใหม่ เมื่อมีเหตุผล ความจำเป็นต้องปรับ ครม. เนื่องจากเก้าอี้ว่างลง

คือโจทย์ของการปรับ จะปรับเพื่อแก้ปัญหาอะไร

ในมิติการเมืองการปรับครั้งนี้ ไม่ยากแน่นอน

แต่ที่ยากอย่างยิ่ง ก็คือการปรับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริหาร แก้เศรษฐกิจบอบช้ำ วิกฤตอันเป็นผลพวงจากการระบาดของโควิด

ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศอยู่ในเวลานี้

ยากทั้งการหาคน เก่ง ฝีมือดีเข้ามาทำงาน ยากทั้งการแก้ปัญหาฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ที่พังพินาศอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ยากทั้งการคิด นวัตกรรมใหม่มาแก้ปัญหา

จำเป็นต้องได้ต้องมี นักคิด นักทำ เข้ามาร่วมงาน เป็นองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรี ในการปรับ ครม.

แต่เห็นรายชื่อ ว่าที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจแล้ว

แม้ไม่ถึงกับขี้เหร่

แต่หลายคน จัดอยู่ในประเภทลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา ถนัดแต่คอยรับคำสั่ง เป็นผู้ตาม มากกว่าจะเป็นผู้นำ นำเสนอความคิด องค์ความรู้ใหม่การแก้ปัญหา

กลายเป็นว่า แทนที่การปรับ ครม. จะเพิ่มประสิทธิภาพบริหาร กลับตอกย้ำความเป็นรัฐราชการยิ่งขึ้น

การปรับ ครม. จึงเป็นที่กังขา ถึงเป้าหมายการปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารนำพาประเทศฝ่าข้ามวิกฤต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image