สถานีคิดเลขที่12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร : 3ป.ไม่ควร +อ.

สถานีคิดเลขที่12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร : 3ป.ไม่ควร +อ.

น่าจะเรียบร้อย ตามข่าวที่ออกมา สำหรับ รัฐมนตรี ใหม่ 6 คน ใน 7 ตำแหน่ง

อันช่วยตอกย้ำ และยืนยันว่า 3 ป. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังแน่นปึ้ก

สามารถสกัด ฝ่ายการเมือง ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่อุตส่าห์ลงทุนลงแรง กรุยทางให้ พล.อ.ประวิตร ก้าวสู่หัวหน้าพรรค อย่างสบายๆ

แต่ ผลที่ได้ตอบแทนกลับคืนมา

Advertisement

ช่างน้อยเหลือ!!

นายอนุชา นาคาศัย ที่เป็นถึง เลขาธิการพรรค แต่เป็นได้เพียง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ไม่ต้องพูดถึง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ถูกตรึงอยู่ที่เก่า

Advertisement

ขณะที่ ส.ส.อื่นที่เป็นหมู่ทะลวงฟัน ให้เก้าอี้ ของสี่ยอดกุมารว่างลง ก็แทบไม่ได้อะไรตอบแทน

แถมต้องยืนตาปริบๆ ดู นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เข้าไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ด้วยเหตุผลพิเศษ ที่ก็เชื่อมโยงไปถึง 1 ใน 3 ป.

ที่ดูแล คนของตัวเอง อย่างดี

ส่วน “นักการเมือง” อื่น ก็ยังแปดเปื้อนในข้อหาเดิมๆ นั่นคือ ดีแต่แย่งชามข้าวกันเอง

ตอนนี้เป็นไง “เลือด” แทบจะล้นชาม

ต้องกลืนกินเลือดเลือดตัวเองอย่างไม่มีทางเลือกอีกคำรบ

ขณะที่ 3 ป.ก็คงได้รับเสียงชมเชย จากกองเชียร์ ว่ากล้าหาญ ไม่ยอมทำตามข้อเสนอของฝ่ายการเมือง

นายกฯสามารถ รักษาทีมเศรษฐกิจ เอาไว้ได้

ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า รัฐมนตรีใหม่เหล่านี้

จะฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ว่ากันว่าจะหนักหน่วงเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้ เป็นต้นไป ได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน ก็ต้องดูว่า ความแข็งแกร่งของ 3 ป.

จะต้านทานแรงเสียดทาน กระแสความไม่พอใจของ เยาวชน คนรุ่นใหม่ ที่แพร่ขยายตัวออกไป เกือบทั่วประเทศ ได้อย่างไร

กระแสเรียกร้อง ให้เลิกคุกคามประชาชขน อันหมายถึงการเปิดให้มีเสรีภาพในการแสดงมากขึ้น ให้ยุบสภา และให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ

กำลังเป็นสิ่งท้าทาย ความแข็งแกร่ง ของ 3 ป. อย่างตรงไปตรงมา

แน่นอนว่า คงไม่ง่าย อย่างการคอนโทรล “นักการเมือง” ในพรรค พปชร.

ด้วยกลุ่มที่ออกมาเรียกร้อง พล.อ.ประยุทธ์ ให้ออกไปๆๆ นั้นหลากหลาย

ที่สำคัญมาในยุคและรูปแบบใหม่ ของคนเจนวาย เจนแซด

ที่คนรุ่นก่อนตามไม่ทัน และไม่เข้าใจ

หากไปใช้ รูปแบบการแก้ไขแบบเดิมๆ อาจจะไม่ได้

หรือหากดื้อรั้นกลับไปใช้ ก็น่าเป็นห่วง ด้วยอาจจะเกิดการปะทะทางช่องว่างของคนในสังคม อย่างรุนแรงขึ้นได้

ตอนนี้ หลายคนกำลังจับตา การปรากฏตัว ของ “กลุ่มอาชีวะช่วยชาติ” อย่างใกล้ชิด

หากคนเหล่านี้ ปรากฏตัวขึ้นมา ตามธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย คือไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกลุ่มเยาวชนปลดแอก

จึงมารวมตัวภายใต้จุดยืน “อนุรักษนิยม” เข้มข้น ด้วยการไม่เชื่อว่า กลุ่มเยาวชนปลดแอกจะมีเพียงเป้าหมาย 3 อย่าง หากแต่น่าจะไปไกลถึงขนาดกระทบกับสถาบันหลักของชาติ

พวกเขาก็มีสิทธิ บนพื้นฐานการชุมนุมอย่างสงบและสันติ

แต่ หากรวมกลุ่มกันเพื่อมาทำร้าย-ทำลาย ฝ่ายที่ตนเองไม่เห็นด้วย ก็ไม่น่าถูกต้อง

และยิ่งหากไม่ใช่รวมตัวกันโดยธรรมชาติ

หากแต่เป็นวิธีดึกดำบรรพ์ที่กลไกรัฐบาลบางกลไก ไป “ปลุกผี” คนเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อเป็น “ม็อบชนม็อบ” ที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงและนองเลือด

ก็ไม่น่าจะเหมาะสม

3 ป.นั้นแข็งแกร่งอยู่แล้วในเชิงอำนาจ คงไม่มีใครแอบไปขุดผีวิธีการไดโนเสาร์

ปลุกเอาอาชีวะ มาอาละวาดดังพวกกระทิงแดง ยุค 6 ตุลาคม 2519

ที่นอกจากจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแล้ว

ยังดึงประเทศให้ล่มจมหนักขึ้นไปอีก

3 ป.จึงไม่ควร + อ. เด็ดขาด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image