ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
ยังไม่รู้ว่า กรรมาธิการวิสามัญ พิจารณางบฯ ปี 2563
จะมีแรงฮึด “แจวเรือ” ไปซื้อ “เรือดำน้ำ” ถึงท่า “จีน” สำเร็จหรือไม่
แต่ใครๆ ก็ว่า ท่าที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล่าสุด
ที่กล่าวพาดพิงถึง “แผนสอง” ในการจัดหาเรือดำน้ำให้ราชนาวีไทยนั้น
ทำให้เกิดการคาดหมายว่า มีแนวโน้มที่เรือแจวอาจจะแวะ “ท่า” กลางทาง
หลบกระแส มรสุมการเมือง-เศรษฐกิจ ก่อน
รอให้มีเรี่ยวมีแรง จากพิษโควิด-19 แล้วค่อยมุ่งไปเทียบท่าเรือดำน้ำจีน
ซึ่งถ้าแนวโน้มเป็นเช่นนี้
ทางออกที่จะเป็น คือ ไทยคงต้องเจรจากับจีน เลื่อนการจ่ายเงินไปอีกปี
แม้กองทัพเรือห่วงว่าอาจทำให้จีนไม่พอใจ และกระทบความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ
แต่ถ้าหาก พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลไทยเห็นว่า คลื่นลมไม่สงบ เรือแจวไม่ควรออกจากฝั่ง
ก็ไม่เสียหายที่จะไปเจรจา
เพราะจีนก็ย่อมรู้ดีว่า ผลกระทบจากพิษโควิด-19 มันรุนแรงเพียงใด
และจีนเองซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาด ก็น่าจะเห็นใจประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้าเช่นกัน
และที่สำคัญ สำหรับไทยไม่ใช่พิษเศรษฐกิจเท่านั้น
แต่มีวิกฤตการเมืองเข้ามาแทรกด้วย
จนอาจจะชี้อนาคตรัฐบาลปัจจุบัน จะอยู่หรือไปเลยทีเดียว
มีเหตุมีผลขนาดนี้ พี่ใหญ่จีน น่าจะเห็นใจ
คงไม่เคืองรุนแรงถึงขนาดจะเลิกขายเรือดำน้ำให้ไทย
เพราะว่าไป เรื่องเรือดำน้ำเป็นประโยชน์ต่อจีนไม่แพ้ไทย หรืออาจจะได้ประโยชน์มากกว่าไทยเสียอีก
ต้องไม่ลืมว่า การได้ไทยเป็นลูกค้า มิใช่มีแต่เรื่องกำไรเท่านั้น
หากแต่เกี่ยวโยงการเมืองระดับภูมิภาค และระดับโลกด้วย
ไม่ต้องดูอื่นไกล
ไปดูเรือดำน้ำของประเทศอาเซียน ที่แข่งขันกันเอาเป็นเอาตายอยู่ตอนนี้
สิงคโปร์เลือกใช้เรือดำน้ำจากสวีเดน 4 ลำ และกำลังซื้อจากเยอรมนี 2 ลำ
อินโดนีเซียใช้เรือดำน้ำเยอรมัน 2 ลำ ต่อเองโดยใช้เทคโนโลยีจากเกาหลีใต้ 3 ลำ และวางแผนจะต่อเองอีก 9 ลำภายใต้ลิขสิทธิ์ของเกาหลีใต้ เช่นกัน
มาเลเซียใช้เรือดำน้ำที่ต่อในประเทศฝรั่งเศส และสเปน
เวียดนามใช้เรือดำจากรัสเซีย จำนวน 6 ลำ
เมียนมาใช้เรือดำน้ำจากอินเดีย จำนวน 1 ลำ
ฟิลิปปินส์กำลังจัดหาเรือดำน้ำ 3 ลำ โดยเจรจากับฝรั่งเศส
ไม่มีประเทศไหนใช้เรือดำน้ำจากจีนเลย
เหตุผลอย่างที่ทราบกัน
ประเทศส่วนใหญ่ในอาเซียนมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ หมู่เกาะพาราเซล หมู่เกาะปะการัง สการ์โบโรห์ โชล ฯลฯ ในทะเลจีนใต้ กับจีนทั้งสิ้น
แล้วใครจะใช้ยุทโธปกรณ์กับประเทศคู่พิพาท
จีนจึงค่อนข้างโดดเดี่ยวในอาเซียน โดยเฉพาะในกรณีข้อพิพาททะเลจีนใต้
การมีไทยซึ่งเป็นเสาหลักในอาเซียนเป็นมิตร
และที่สำคัญ ยังต้องอยู่ใต้อิทธิพลจีนเพราะต้องผูกพัน พึ่งพิงเป็นลูกค้าอะไหล่ เทคโนโลยี การบำรุงรักษา อีกยาวนานร่วม 10-20 ปี
จึงเป็นผลดีอย่างยิ่งกับจีน
เผลอๆ จีนอาจชวนไทยซ้อมรบทางทะเล เพราะมีเรือดำน้ำแบบเดียวกันในทะเลจีนใต้อีก
ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง เช่นนี้ จีนต้องรักษาลูกค้าไทยเอาไว้อย่างดี ไม่ควรให้หลุดรอดไปไหน
ด้วยเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยเช่นนี้
การเจรจากับจีนจึงไม่น่ายาก
และน่าจะช่วยซื้อเวลาเพื่อดับไฟในบ้านก่อน
แต่คำถามก็คือ กองทัพเรือ รัฐบาล กมธ.งบฯ จะแลเห็นทางออกนี้หรือเปล่า
หรือคิดอย่างเดียว ต้องเอาให้ได้
อย่างนั้นก็แจวเรือไปซื้อเรือดำน้ำตามสบาย