| ผู้เขียน | สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน |
|---|
คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 : ชัชชาติ-จักรทิพย์
การเลือกตั้งท้องถิ่น เริ่มจากนายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ.เมื่อปลายปีที่แล้ว คิวต่อไปคือเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ในวันที่ 28 มีนาคม ถัดจากนั้นจะเป็นสนามองค์การบริหารส่วนตำบล หรืออบต. โดยน่าจะอีก 2-3 เดือนต่อจากเลือกตั้งเทศบาล
ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ถือว่ายิ่งใหญ่เกรียงไกรที่สุดคือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กำลังลุ้นกันว่าจะเป็นเมื่อไหร่
คำนวณคร่าวๆ คงประมาณกันยายน
อีกราว 7-8 เดือนข้างหน้า สำหรับการเลือกตั้งผู้บริหารเมืองหลวงของประเทศเช่นนี้ ถือว่าเป็นเวลาที่เหลือไม่มากนัก
ใครจะตัดสินใจลงสมัครต้องรีบเปิดตัวให้ชัดเจนแล้ว
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เปิดตัวล่วงหน้าก่อนใคร เปิดมาแล้วเป็นปีๆ โดยมีแนวโน้มจะลงในนามอิสระ เพื่อตัดปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทย
โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. เปิดตัวเป็นรายถัดมา
พออดีต ผบ.ตร.ลงสนาม ก็เลยมีการจับคู่กับชัชชาติในแง่ความเป็นลูกอดีตตำรวจใหญ่ โดยเป็นลูกของ พล.ต.อ.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์
ระหว่างอดีตตำรวจใหญ่กับลูกอดีตตำรวจใหญ่ ใครจะเหนือกว่าใครทำนองนั้น
แน่นอนว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่ได้มีภาพของลูกนายตำรวจแต่อย่างใด แต่โดดเด่นอย่างมาก ในฐานะอดีตรัฐมนตรีคมนาคม ที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง โครงการที่ต้องล้มเพราะความแตกแยกทางการเมืองของสังคมไทย
ความเป็นนักวิศวะ เป็นอดีตอาจารย์ แถมได้ชื่อว่าติดดิน แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ลงสัมผัสเองลึกซึ้งในทุกปัญหา จึงน่าจะมาแรงอย่างมากในสนามผู้ว่าฯกทม.
ส่วน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ไม่ธรรมดา ภาพประทับใจของประชาชนสมัยเป็น ผบ.ตร. ไม่ว่าจะตอนไปนอนกลางดินกินกลางทรายช่วยเด็กหมูป่า นำทีมลุยจับจ่าคลั่งในห้างที่โคราช
ประสบการณ์ในฐานะอดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล สามารถเอามาใช้หาเสียงได้ดีว่ารู้รอบปัญหาเมืองหลวงขนาดไหน ไม่ว่าในแง่สวัสดิภาพชีวิตและความปลอดภัย การจราจร ยันน้ำท่วมน้ำรอระบาย
ดูแล้วสูสี และเด่นกันคนละแบบ
ส่วนที่มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับพรรคพลังประชารัฐ กำลังปวดหัว เมื่อ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีศึกษาฯ ยืนกรานเสียงแข็งจะดันเมียลงสนาม
โดยผลักดันสุดตัวให้ นางทยา ทีปสุวรรณ ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพลังประชารัฐ
ทั้งที่น่าเชื่อว่า พล.อ.ประวิตรสนับสนุน พล.ต.อ.จักรทิพย์อยู่เต็มตัว
อันที่จริง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ไม่ได้เข้าสังกัดพรรคการเมืองไหน ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อาจจะลงในนามอิสระได้
เพราะต้องไม่ลืมว่า ผู้บริหารองค์กรท้องถิ่นพิเศษเมืองหลวงนั้น ต้องมีภาพนักบริหารนักทำงานมืออาชีพมากกว่า
ยิ่งถ้ามีภาพการเมือง แล้วพัวพันกับพฤติกรรมสุดโต่งชัตดาวน์กรุงเทพฯ ปูทางให้ทหารออกมายึดอำนาจ
นั่นจะมีคู่กรณีรอถล่มอยู่ทั่วเมือง
โอกาสของคนทำงานจริงจัง ไม่มีภาพการเมืองทั้งระดับปกติหรือระดับสุดขั้วสุดโต่ง
น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับสนามผู้ว่าฯกทม.
สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน
