สถานีคิดเลขที่12 : จอดป้าย‘มรณะ’

ไม่เหนือความคาดหมาย ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องสะดุด

เพียงแต่ตอนแรกไม่แน่ใจ ว่า “เขา” จะให้สะดุด และบังคับให้ “จอดป้าย” ในขั้นตอนไหน

และใครจะเสียสละเป็นตำบลกระสุนตก คือมีโอกาสถูกถล่มหนักแน่ ในฐานะรับเผือกร้อนเป็นฝ่ายให้เกิดการสะดุด

ระหว่าง ศาลรัฐธรรมนูญ หรือรัฐสภา

Advertisement

อย่างไรก็ตาม เอาเข้าจริง ก็ต้องยกนิ้วโป้งให้

นั่นคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2560 สะดุดอย่างที่เห็น

แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาไม่กี่บรรทัดนั้นได้กระจายจุดตกของกระสุนไปทั่วหน้า

Advertisement

หลังแต่ละฝ่ายต้องออกมาตีความตามจุดยืน ความเชื่อ ความต้องการ ของฝ่ายตนเองกันวุ่นวาย

ถือเป็นการ “วินิจฉัย” เพื่อ “วินิจฉัย” อันน่าทึ่ง

ที่ดึงเอาการเมือง ทั้งในรัฐสภาและนอกสภา เข้ามามีส่วนร่วมตีความ และรับผิดชอบร่วมกันทั่วถึง

อย่างมึนๆ งงๆ ว่าจะไปกันอย่างไร

ซึ่งนอกจาก ต้องยกนิ้วให้ในกรณีข้างต้นแล้ว

อย่าลืมยกนิ้วให้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่โชว์ความเป็นเนติบริกรอันเยี่ยมยอด

ในการสามารถดำรง รักษา รัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารไว้ได้อย่างเหนียวแน่นมั่นคง

โดยวางหมากกลเอาไว้อย่างสลับซับซ้อน ยากจะทะลุทะลวงออกไปได้โดยง่าย

แม้จะรู้ว่า การโฆษณาชวนเชื่อเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่านี่คือ รัฐธรรมนูญปราบโกง รัฐธรรมนูญเพื่อการปฏิรูป เป็นข้ออ้างที่เลอะเทอะ

นับวันมีแต่จะประจานตัวเองออกมา

แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยม ทำให้คนไทยไม่สามารถฝ่าด่านออกไปได้

เราจึงอยู่ในสถานการณ์ สิ่งที่เขาเรียกว่า “นิติสงคราม” อย่างยืดเยื้อ

ด้านหนึ่ง ก็มีการใช้กฎหมาย ไปจัดการฝ่ายตรงข้ามอย่างเข้มงวด

แกนนำมวลชนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลต้องถูกคุมขังจำคุก แทบจะยกชุด

ขณะเดียวกันก็บังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด รุนแรง เกินกว่าเหตุ

ข้อหาต่างๆ ถูกขุดออกมาจัดการฝ่ายตรงข้ามรัฐอย่างถี่ยิบ

ที่แยบคายไปกว่านั้น ก็คือใช้กลไกกฎหมายตั้งแต่ กฎหมายแม่อย่างรัฐธรรมนูญ ละเรื่อยลงไปถึงกฎหมายลูก และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ปกป้อง ค้ำยัน ให้ฝ่ายกุมอำนาจ สามารถสืบทอดอิทธิพลได้ต่อไป

ซึ่งก็เหมือนดูจะได้ผล พิจารณาจาก อาการอ่อนเปลี้ย ของฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงข้ามรัฐบาล

นี่เอง อาจทำให้ฝ่ายกุมอำนาจพึงพอใจ

และเพิ่มการใช้ “นิติสงคราม” ให้เข้มข้นขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อหวังให้เกิดความสงบ ราบคาบ และอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ

แต่กระนั้น ฝ่ายกุมอำนาจอาจจะลืมไปว่า ยิ่งไปปิดรูระบาย ปิดรูเรียกร้อง ปิดรูต่อสู้ ของอีกฝ่าย

มันยิ่งกลับไปสร้างแรงกดดันภายใน ให้มีมากขึ้น

เราได้เห็นปรากฏการณ์ที่น่ากังวล เช่น การตอบโต้แบบ แรงมาก็แรงไป

การกระทำโง่ๆ แบบเผา ที่โน่น ที่นี่ ถูกนำมาใช้แม้จะถูกจับ

ปฏิกิริยาของม็อบต่อฝ่ายรัฐที่รุนแรงถี่ขึ้น แม้จะเสียแนวร่วมแต่ก็จงใจให้เกิดขึ้น

เหล่านี้ ล้วนเป็นสัญญาณของการไร้ทางออก

จึงปรากฏการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันขึ้น

ขณะเดียวกัน “เงื่อนไข” ที่จะทำให้เกิดสิ่งนี้ ก็ถูกบ่มเพาะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเล็กและใหญ่

อย่างกรณี “รัฐธรรมนูญ” ถึงจะต้อง “จอดป้าย” เพื่อเป็นทางลงอย่างราบรื่น

แต่อาจกลายเป็น “ป้ายมรณะ” ได้ง่ายๆ

สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image