สถานีคิดเลขที่ 12 : นาทีทองของฝ่ายค้าน

สถานีคิดเลขที่ 12 : นาทีทองของฝ่ายค้าน

สถานีคิดเลขที่ 12 : นาทีทองของฝ่ายค้าน

การเมืองไทยในยุคที่ไม่ได้มีการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งอะไรกันเลย จนกลายเป็นการเมืองยุคน้ำเน่าสุดๆ เห็นได้จากกระบวนการงูเห่า การแจกกล้วย ดูดกันทุกวิถีทาง จนทำให้สัดส่วนเสียงในสภา ที่เคยปริ่มน้ำ ตอนนี้ห่างกันมากขึ้น

จนเป็นเรื่องยากที่ฝ่ายค้านจะทำอะไรรัฐบาลในสภาได้

การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงหลัง จึงเริ่มไม่มีการลุ้นผลโหวตอะไรอีกแล้ว

Advertisement

แต่ข่าวล่าสุดจากพรรคเพื่อไทย โดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ที่ยืนยันว่า เตรียมจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 แบบมีการลงมติ

เนื่องจากความบกพร่องผิดพลาดร้ายแรงในการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด จึงต้องเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯหรือรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความเสียหายต่อบ้านเมือง ละเลยต่อชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชน

น่าคิดว่า การอภิปรายซักฟอกแบบลงมติครั้งนี้ น่าจะมีผลในทางการเมืองไม่น้อยเลย

Advertisement

ถูกจังหวะถูกเวลาที่สุด

เพราะสถานการณ์รัฐบาลในวิกฤตโควิดเวลานี้ ถือว่าเป็นช่วงวิกฤตสุดๆ

โควิดก็วิกฤต รัฐบาลก็วิกฤต โดนชาวบ้านสวดกันทั่วบ้านทั่วเมือง แทบทุกวงการ ทุกชนชั้น ดารานักแสดงนักร้อง ออกมาฟาดรัฐบาลสนั่นโซเชียลแทบทุกวัน

อารมณ์ความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อรัฐบาลประยุทธ์เวลานี้ เรียกว่าร้อนแรงอย่างมาก

จึงต้องบอกว่า การที่ฝ่ายค้านตัดสินใจจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจกรณีโควิด จึงสอดคล้องตรงใจกับประชาชนคนไทยมากที่สุด

ถึงเวลาเปิดอภิปรายในสภาเมื่อไหร่ จะมีชาวบ้านเฝ้าฟังการถ่ายทอดยิ่งกว่าดูบอลยูโรเสียอีก

ไม่เท่านั้น น่าจะเกิดกระแสเสียงจากประชาชนที่มีผลกดดันต่อเหล่า ส.ส.ในสภา ในระหว่างการเปิดอภิปรายซักฟอกรัฐบาลในความผิดพลาดเรื่องวัคซีน เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง

กดดันจน ส.ส.รัฐบาลเองนั่นแหละ จะวางตัวลำบาก

เป็นไปได้มากว่า ประเภทชอบลุกขึ้นมาทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ในสถานการณ์ร้อนแรงวันนี้ คงต้องคิดให้รอบคอบ

ไม่เท่านั้น พรรคเพื่อไทยประกาศแล้วว่า เป็นการยื่นญัตติแบบให้มีการลงมติด้วย น่าจะยิ่งเป็นทีเด็ด

จะเป็นการลงคะแนนหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่จะโดนประชาชนจับตามองจับจ้องอย่างเขม็ง

สงสัยจริงๆ ว่า ฝ่ายค้านรายไหนจะกล้าแอบไปเป็นงูเห่า

แม้แต่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเองก็เถอะ ทั้งพรรคหลักคือพลังประชารัฐ พรรคร่วมทั้งภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ ถึงเวลานั้นคงอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

ในท่ามกลางอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ทั้งขาดวัคซีนป้องกันตัว ทั้งไม่มีรายได้เลี้ยงปากท้องครอบครัว

น่าจะส่งผลอย่างมหาศาลต่อท่าทีการโหวตของ ส.ส.ในสภา

อาจเป็นช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจสำคัญ

เกิดมีการกลับตัวกลับใจเพื่อประชาชนขึ้นมาก็คงได้สนุกกันใหญ่

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image