สถานีคิดเลขที่ 12 : ท่าทีของ พปชร.

สถานีคิดเลขที่ 12 : ท่าทีของ พปชร.

สถานีคิดเลขที่ 12 : ท่าทีของ พปชร.

ความเคลื่อนไหวของบรรดามือไม้ผู้มีอำนาจ ในการแจ้งความเอาผิดกับคนวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล รวมไปถึงล่าสุด กรณี นายสนธิญา สวัสดี ที่ยื่นร้องให้ตำรวจตรวจสอบการออกมาคอลเอาต์ของดารานักแสดง นักร้อง นั้น

ส่งผลให้ทั้งสังคมมองนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลนี้ว่าชอบทะเลาะกับประชาชน จนสงสัยจะลืมว่ามีหน้าที่ดูแลแก้ไขปัญหาให้ประชาชนไปแล้วกระมัง

ที่น่าสนใจคือ ท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนหลักรัฐบาล เป็นพรรคที่เป็นฐานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ

Advertisement

มีการแสดงออกอย่างทันควันจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค พปชร.
ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า นายสนธิญาเคยเป็นสมาชิก พปชร.จริง แต่ปัจุบันไม่ได้เป็นสมาชิกแล้ว เรื่องนี้จึงไม่เกี่ยวข้องกับพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด

แถมบอกด้วยว่า ความคิดเห็นแตกต่างไม่ใช่การสร้างความเสียหายต่อบ้านเมือง เราก็ต้องฟังเสียงประชาชน ไม่ว่าเป็นดาราหรือใคร ประชาชนย่อมมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ ถ้าเป็นตน จะถือว่าคำวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นกระจกเงาสำคัญที่จะได้ปรับปรุงตัวเอง

ตามด้วย นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขอชี้แจงว่า นายสนธิญา สวัสดี มิได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด ดังนั้นในส่วนของการเคลื่อนไหวของนายสนธิญา จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องพรรคพลังประชารัฐ

Advertisement

ชัดเจนว่าแกนนำของพลังประชารัฐ เข้าใจดีว่า การทะเลาะกับศิลปินดาราที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเช่นนี้ มีแต่ต้องยืนยันให้ชัดว่าไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย

ทั้งยังน่าคิดว่า ความเดือดร้อนของประชาชนอย่างกว้างขวาง จากสถานการณ์โควิด ที่รัฐบาลมีความผิดพลาดโจ่งแจ้งจากการจัดหาวัคซีน จนทำให้ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ ส่งผลถึงเศรษฐกิจที่ทรุดยาวไปอีกนาน

แถมยังถึงขั้นมีคนป่วยตายด้วยโควิด เป็นศพข้างถนนแล้ว

สภาพการณ์เช่นนี้ บรรดา ส.ส.ที่มีความใกล้ชิดประชาชน ได้ยินได้ฟังเสียงสะท้อนของประชาชน น่าสงสัยว่า มี ส.ส.คนไหนที่ยังคิดว่า รัฐบาลทำหน้าที่ได้ดีแล้ว จนสามารถชี้แจงกับชาวบ้านเพื่อปกป้องรัฐบาลนี้ได้

ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐกำลังคิดอะไรกับความจริงในวันนี้ ส.ส.ของพรรคร่วมทั้งภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์เล่า กำลังคิดอะไร

จนทำให้ต้องมองต่อไปถึงการที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายกฯ และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล และให้ลงมติด้วยนั้น

จะเป็นการอภิปรายซักฟอกรัฐบาลในสถานการณ์โควิด ที่ประชาชนทั่วทั้งสังคมจะสนใจ และร่วมเป็นพลังกดดันการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา ว่าต้องยืนอยู่ข้างชาวบ้านที่กำลังทุกข์ร้อนแสนสาหัสเช่นไร

ส่งผลไปถึงขั้นตอนลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจด้วย

เป็นช่วงเวลาที่ ส.ส.พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ จะต้องรับกับแรงกดดันจากประชาชนทั่วสังคม

ดูการแสดงออกของ ร.อ.ธรรมนัส กรณีนายสนธิญา

โดยเฉพาะที่กล่าวว่า ถ้าเป็นผม จะถือคำวิพากษ์วิจารณ์เป็นกระจกเงาในการปรับปรุงตนเอง

หวังว่าถึงเวลาที่สภาต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลในการแก้ไขโควิดจนกลายเป็นวิกฤตนั้น

บรรดา ส.ส.พรรครัฐบาลจะมีจุดยืนว่ารัฐบาลต้องฟังประชาชนจริงๆ

สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image