ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 : ภาพคุ้นๆ โดย ปราปต์ บุนปาน
ไม่รู้อะไรดลใจ เมื่อได้เห็นข่าวผู้มีอำนาจในคณะรัฐบาลปัจจุบันเดินทางไปสำรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่ต่างจังหวัด จึงไพล่นึกไปถึงฉากหนึ่งของสงคราม “อานามสยามยุทธ์”
นั่นคือเหตุการณ์ซึ่ง เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นำทัพบก
ส่วน เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) นำทัพเรือของสยาม เข้ารบกับฝ่ายญวนที่ปากคลองวามะนาว เมื่อ พ.ศ.2376
พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 3 ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) บันทึกถึงยุทธภูมิดังกล่าวเอาไว้ว่า
“ครั้น ณ เดือน 3 แรม 5 ค่ำ เจ้าพระยาบดินทรเดชา เจ้าพระยาพระคลังปรึกษากันว่า ญวนตั้งค่ายบก เอาเรือทอดกั้นขวางแม่น้ำไว้ จะต้องตีหักลงไปให้พร้อมกันทั้งทัพบกทัพเรือ ญวนจึ่งจะไม่ช่วยกันได้
“ครั้นปรึกษากันแล้ว จึ่งสั่งให้นายทัพนายกองเตรียมการไว้ให้เสร็จ ครั้น ณ เดือน 3 แรม 5 ค่ำ เวลา 3 ยาม เจ้าพระยาบดินทรเดชาก็คุมทัพบกเข้าปล้นค่ายญวน”
ทว่ากลับเป็นทัพเรือของสยามที่ “ไม่มาตามนัด” ดังรายละเอียดว่า
“ฝ่ายทัพเรือ เจ้าพระยาพระคลังก็เข้าตีทัพเรือญวนพร้อมกัน ญวนก็ยิงปืนสู้รบเป็นสามารถ นายทัพนายกองฝ่ายไทยก็ถอนสมอลงไป เรือพระยาอภัยโนฤทธิ (บุนนาค) ลำ 1 เรือพระอนุรักษโยธาลำ 1 แต่เรือพระยาท้ายน้ำลำ 1 นั้น ถอนสมอขึ้นแล้วเข้าไปแอบตลิ่งอยู่
“เรือพระยาอภัยโนฤทธิ์ เรือพระอนุรักษโยธานั้นแจวลงไป ไม่เห็นเรือข้างหลังตามไปก็ถอยหลังมาเสีย เจ้าพระยาพระคลังก็ลงเรือแง่ทรายพลแจว 20 เที่ยวไล่เรือรบให้ถอนสมอลงไปโดยเร็ว คนในลำเรือถอนสมอขึ้นแล้ว ก็ไปไล่ลำอื่นต่อไป ครั้นท่านห่างไปแล้วก็ปล่อยสมอลงไปเสียดังเก่า
“เรือเจ้าพระยาพลเทพ พระยาราชวังสัน พระยาเพ็ชรบุรี ว่าแต่ที่เป็นผู้ใหญ่ พระยาพระหลวงเป็นนายลำอื่นอีกก็มีเป็นอันมาก แต่เห็นผู้ใหญ่ไม่ลงไป ก็ถอนสมอไม่ขึ้นเสียทั้งนั้น ถอนขึ้นมาที 1 ก็ปล่อยลงไปเสียที 1 ถ้าเห็นเรือไปเร่งรัด ก็ทำเป็นถอนสมอแต่สมอนั้นไม่ขึ้น ญวนเห็นว่าทัพเรือไม่ลงไปแล้ว ก็เอาเรือมาระดมกันขึ้นไปช่วยค่ายบก
“เจ้าพระยาบดินทรเดชาซึ่งเข้าตีค่ายญวนเหลือกำลัง ผู้คนก็ล้มตายลงมาก ก็สั่งให้ล่าถอยออกมา”
หลังพ่ายศึก สองแม่ทัพใหญ่ฝ่ายไทยจึงต้องปรึกษาหารือกันอันนำไปสู่มุมมองที่แตกต่างเรื่องการลงโทษแม่ทัพนายกอง และข้อตกลงร่วมเรื่องการถอยทัพ ความว่า
“เจ้าพระยาบดินทรเดชา เจ้าพระยาพระคลังปรึกษากันว่า นายทัพนายกอง ไม่กลัวแม่ทัพใหญ่ดังนี้ จะทำการศึกสงครามไปที่ไหนได้ ให้เอาตัวผู้ที่ขลาดมาฆ่าเสียให้สิ้น เอาผู้น้อยที่กล้าแข็งแรงตั้งขึ้น เอาเครื่องยศให้แก่มัน ยกเข้าตี อีกครั้ง 1
“เจ้าพระยาพระคลังจึ่งว่า ซึ่งโปรดดังนี้ก็ชอบอยู่ แต่ท่านเหล่านี้เป็นผู้ใหญ่ๆ ที่กินพานทองก็หลายนาย จะฆ่าเสียเห็นจะไม่ได้ จะเกิดภัยขึ้นข้างหน้า … เจ้าพระยาบดินทรเดชาว่า ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่ล่าถอยอย่างเดียว”
ประวัติศาสตร์ก็เหมือนดั่งสายน้ำ ซึ่งไม่มีทางที่จะไหลย้อนมาซ้ำรอยกับปัจจุบันได้แบบเหมาะเจาะพอดี เช่นเดียวกับที่บุคคลในปัจจุบันย่อมไม่ใช่ตัวแทนโดยสมบูรณ์ของบุคคลในอดีต
แต่พฤติกรรม-ความคิด-การตัดสินใจ ตลอดจนความสัมพันธ์ทางอำนาจของมนุษย์ต่างยุคต่างสมัยนั้น อาจคล้ายคลึงกันได้
เราจึงสามารถพบเห็นสภาวะที่บรรดาผู้ถือครองอำนาจแตกแยกออกเป็น “สองหัว” รวมถึงภาพเหล่า “หัวหน้าพรรค-กลุ่ม-ก๊ก” ซึ่งกำลังรอประเมินสถานการณ์-ทิศทางลมอย่างกล้าๆ กลัวๆ แม้กระทั่งใน พ.ศ.2564