สถานีคิดเลขที่ : ซุปเปอร์ฮีโร่-ฮีร่วง

ประชาธิปัตย์ ที่ชูประเด็น “มารยาททางการเมือง” เป็นหลักมาตลอด ในกรณีพิจารณาส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม โดยจะไม่แข่งกับพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นเจ้าของพื้นที่เดิม

แต่ดูเหมือนว่า การเลือกตั้งซ่อมแทน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ที่ราชบุรี จะเป็นข้อยกเว้น

ประชาธิปัตย์เก็บมารยาททางการเมืองเข้าลิ้นชัก เดินหน้าส่งผู้สมัครอย่างมุ่งมั่น

อาจมีคำอธิบายว่าเพราะพลังประชารัฐ ไม่ส่งผู้สมัคร

Advertisement

ซึ่งก็จริง แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นเหตุผลที่ยกมาอธิบาย “หลัง” จากที่ประชาธิปัตย์ตัดสินใจส่งคนของตัวเองแล้ว

ดังนั้น ถึงพลังประชารัฐจะตัดสินใจส่งหรือไม่ส่ง ยังไงๆ ประชาธิปัตย์ก็เดินหน้าลุย

ทำไมประชาธิปัตย์แน่วแน่ในสนามเลือกตั้งซ่อมนี้นัก

Advertisement

เหตุผลสำคัญน่าจะมาจากความมั่นใจว่าผู้สมัครของพรรค มีโอกาส “ชนะ” สูง

ซึ่งคำว่า “ชนะ” ตอนนี้สำคัญมากสำหรับประชาธิปัตย์ ด้วยกำลังเผชิญ “วิกฤตศรัทธา” จากประชาชน

โดยเฉพาะอันเนื่องมาจากกรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์

แม้ประชาธิปัตย์ จะพยายามวางกรอบให้เป็นเรื่องส่วนบุคคล

แต่การที่หัวหน้าพรรคนำทีมออกมาแสดงความเสียใจ และ “กราบขอโทษ“ สังคม

ก็เป็นคำตอบชัดเจนว่า สะเทือนและสร้างผลด้านลบให้พรรคมากเพียงใด

ดังนั้น การได้เรื่อง “บวก” มาปลอบประโลมบ้าง จึงเป็นสิ่งที่พรรคโหยหา

ซึ่งถ้า “ชนะ” ในสนามเลือกตั้งซ่อมราชบุรี ก็พอจะเชิดหน้าพูดได้ว่า เห็นไหมขนาดพรรคเผชิญวิกฤตหนักขนาดนี้ ประชาชนยังให้การสนับสนุน

และอาจจะหวังต่อไปอีกว่า ผลการเลือกตั้งซ่อมที่จะมีขึ้นวันที่ 21 พฤษภาคม หนึ่งวันก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. วันที่ 22 พฤษภาคม จะมีผลทางจิตวิทยาดึงเสียงสนับสนุนให้ “ดร.เอ้” นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เพิ่มขึ้น (บ้าง)

ถึงไม่ชนะ แต่ก็อย่าแพ้อย่างหลุดลุ่ย

เพราะหากแพ้หลุดลุ่ย มันจะตอกย้ำภาวะ “วิกฤตศรัทธา” ที่หนักอยู่แล้ว ให้หนักขึ้นไปอีก

ทำให้จะต้อง “แบกหิน” ก้อนมหึมาลงสนามเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมีขึ้นไม่เกินปี

ซึ่งนั่นอาจจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ประสบหายนะทางการเมืองยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน เคยหวังไว้มาก ว่าต่อไปนี้ “หิน” ที่พรรคเคยแบกควรจะเบาลง ด้วยฤทธานุภาพ ของเหล่า “ซุปเปอร์ฮีโร่” ที่ลงทุน “มหาศาล” สร้างขึ้น

โดยเฉพาะการลงทุน ผ่าน นายปริญญ์ พานิชภักดิ์

นายปริญญ์ ถูกสร้าง ให้เป็นหัวหน้าทีม ดิ อเวนเจอร์ส ที่จะมานำเศรษฐกิจใหม่ของพรรค

ถูกสร้าง ให้เป็นรองหัวหน้าพรรค ที่ นายเทพไท เสนพงศ์ เปิดเผยข้อมูลว่าได้มาอย่างมี “อภิสิทธิ์”

คือ แม้ขาดคุณสมบัติจะเป็นรองหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรค

แต่ก็มีการดันให้ที่ประชุมใหญ่มีมติยกเว้นคุณสมบัติให้

และที่สำคัญ ถึงแม้สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งที่ทราบประวัติ ด้านลบของนายปริญญ์ ให้ข้อมูลท้วงติง แต่ก็ทำแลไม่เห็น

ยังให้นายปริญญ์เข้ามา

“เข้ามาแทนที่บทบาทนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะนายกรณ์ เป็นคู่แข่งขันตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” นายเทพไท ระบุอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ นายปริญญ์ ยังถูกอุ้มชู ขึ้นเป็น ผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.

อันสะท้อนว่า นายปริญญ์ สำคัญ และเป็นความหวังของผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันเพียงใด

จึงไม่แปลก เมื่อนายปริญญ์ สะดุดหัวคะมำจาก “พลังของสตรี” ซึ่งถูกกล่าวหาว่าไปกระทำไม่ดีกับพวกเธอเอาไว้

ถึงได้ส่งผลสะเทือนต่อประชาธิปัตย์อย่างรุนแรง

ซุปเปอร์ฮีโร่ ไม่สามารถช่วยอะไรได้

แถมกลายเป็นซุปเปอร์ “ฮีร่วง” สะเทือนลึกทั้งพรรคตอนนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image