ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
หักปากกาเซียน โพลต่างๆ หงายท้องไปตามๆ กัน
นั่นคือผลเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ โกยคะแนนแลนด์สไลด์ เกือบ 1.4 ล้าน เข้าป้ายไปแบบไม่ต้องลุ้น
เป็นการเลือกตั้งที่ชนะกันด้วยช่องว่างมหึมา 1 ล้านคะแนน
ส่วนสมาชิกสภาเขต กทม. 50 คน เพื่อไทยกวาดไป 20 ก้าวไกลโกยไป 14 เกินครึ่งของสภา
คนกรุงเทพฯแสดงเจตนาชัดเจน ผลเลือกตั้งชัดเจนอย่างนี้ คงไม่ต้องมาลุ้นกับการยึกยักของกระบวนการใดๆ
วันรุ่งขึ้นและวันต่อๆ มา ว่าที่ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ที่มากับหน้าฝน ก็ออกทำงานทันที โดยตรวจคลอง ตรวจอุโมงค์ ระบบรับน้ำของ กทม. ที่มีปัญหามาตลอด
หลังจากนี้ก็ต้องมาดูว่า กรุงเทพฯจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
เมื่อหัวขบวนของระบบบริหารเมืองหลวงมาจากเลือกตั้ง รับฟังปัญหาจากประชาชนมาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา 3 ปีกว่าๆ ที่ออกเดินไปทั่ว กทม. ไหนยังผลึกความคิด แนวคิด จากการดีเบตบนเวทีต่างๆ จะเป็นต้นทุนที่ดี ที่จะใช้ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา การพัฒนา กทม.ได้ทันที
องคาพยพต่างๆ ของ กทม.น่าจะเร่งเครื่องเข้าเกียร์เดินตามไปได้ในสปีดเดียวกัน คนที่ได้ประโยชน์ก็คือ ประชาชน
ส่วนในทางการเมือง ผลเลือกตั้งครั้งนี้มีนัยยะให้สรุปได้หลายเรื่องด้วยกัน
ก่อนอื่นต้องยอมรับในความโดดเด่นของตัวบุคคลซึ่งเป็นปัจจััยสำคัญของแลนด์สไลด์
คนกรุงเทพฯไม่เล่นด้วยกับ “วาทกรรม” ต่างๆ ที่พยายามเสนอออกมาในระหว่างการหาเสียง
มุขเดิมอย่าง “ไม่เลือกเราเขามาแน่” ที่เข็นออกมาเพื่อตัดคะแนนกลายเป็นแรงผลักดันให้คนรีบออกมาทำให้เกิดแลนด์สไลด์
การลงสมัครเพื่อตัดคะแนน ส่งผลทางตรงข้าม กลายเป็นการลดคะแนนตัวเองหรือพรรคพวกตัวเองไป
และถ้าขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น เชื่อมโยงกับการเมืองระดับชาติแล้วเชื่อว่าหลายคนต้องทอดถอนใจ
ท่าทีของประชาชนในการเลือกตั้ง ทำให้โจทย์อำนาจยากขึ้นอีก ต่อให้มีตัวช่วยเพียบพร้อมแค่ไหนก็ตาม
ข้ออ้างในการใช้กฎกติกาพิเศษ เสื่อมลงไปเรื่อยๆ ไม่สมจริง เหตุกับผลไปกันคนละทางอย่างเห็นได้ชัด
ก่อนหน้าแลนด์สไลด์ผู้ว่าฯกทม. พรรคการเมืองก็พยายามสร้างภาวะแลนด์สไลด์ให้ตนเอง
เพื่อแก้ปัญหา ใช้เสียงประชาชนไปเอาชนะกฎกติกาที่ไม่แฟร์ในการเลือกตัวนายกรัฐมนตรี
ซึ่งในระดับชาติ แลนด์สไลด์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ถึงวันนี้ ยังต้องจับตาการต้านแลนด์สไลด์ด้วยกฎกติกาของการเลือกตั้ง
วรศักดิ์ ประยูรศุข