สถานีคิดเลขที่ 12 : จะได้เลือกตั้งไหม

สถานีคิดเลขที่ 12 : จะได้เลือกตั้งไหม“จะได้เลือกตั้งไหม”

สถานีคิดเลขที่ 12 : จะได้เลือกตั้งไหม

“จะได้เลือกตั้งไหม” กลายเป็นคำถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.ป. 2 ฉบับเกี่ยวกับการเลือกตั้งเริ่มมีความไม่แน่นอน

ร่าง พ.ร.ป. 2 ฉบับที่กำลังจะโหวตในสภา
ฉบับหนึ่งคือ ร่าง พ.ร.ป.การเลือกตั้ง ส.ส. อีกฉบับหนึ่งคือ ร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง

ประเด็นที่กำลังฮิตฮอตคือสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งมีข้อเสนอสูตรหาร 100 กับสูตรหาร 500

Advertisement

พรรคใหญ่เสนอให้ใช้สูตรหาร 100 ดำเนินวิธีการเหมือนกับการเลือกตั้งก่อนครั้งที่ผ่านมาซึ่งมีต้นแบบมาจากรัฐธรรมนูญปี 2540

สูตรนี้พรรคใหญ่ย่อมได้ประโยชน์

ส่วนพรรคเล็กเสนอให้ใช้สูตรหาร 500 เพราะจะทำให้มี ส.ส.พึงมี และมีโอกาสได้เข้าสภาเหมือนกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา

Advertisement

สูตรนี้พรรคเล็กมีประโยชน์มากกว่า

การต่อสู้กันยกแรกคือการโหวตในคณะกรรมาธิการปรากฏว่า เสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับสูตรหาร 100
แต่พอจะเข้าสภา มีความเคลื่อนไหวสำคัญจากกรรมาธิการเสียงข้างน้อยจากพรรคประชาธิปัตย์

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการแย้มว่า ได้พูดคุยกับ ส.ส.ประชาธิปัตย์ อธิบายเหตุผลให้ฟังแล้ว มี ส.ส.ของพรรคบางส่วนต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์พิจารณาให้ลงมติโดยใช้วิธีหารด้วย 500

ขั้นตอนต่อไปคือการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมพรรคพิจารณาลงมติหนุนสูตรหาร 500

และเมื่อผู้สื่อข่าวนำความเห็นนี้ไปสอบถาม นายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล คำตอบที่ได้รับคือ ต้องรอฟังเหตุและผลในสภา

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้กระแส “เกมพลิก” กระหึ่มขึ้นทันที

เรื่องการโหวตสวนมติคณะกรรมาธิการในประเด็นสำคัญๆ นั้นเกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะกับกติกาที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ

ขนาดการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตอนเสนอมีเสียงหนุนแบบหนึ่ง แต่ท้ายสุดยังกลับมติ นับประสาอะไรกับกฎหมายลูกที่กำลังพิจารณา

น่าสังเกตว่า การ “พลิกเกม” ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยพุ่งพรวด และมีการประเมินกันเบื้องต้นว่า ยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเกิดขึ้น

ดังนั้น เมื่อมีความเคลื่อนไหวพลิกสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากแบบหาร 100 เป็นแบบหาร 500

จึงถูกมองว่านี่คือความเคลื่อนไหวเพื่อสกัดยุทธศาสตร์ “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทย

เพราะสูตรหาร 500 กับการกำหนด ส.ส.พึงมี เคยแผลงฤทธิ์ใส่พรรคเพื่อไทยมาแล้วเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา

และหากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถได้เสียงเด็ดขาดในสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีโอกาสได้เป็นนายกฯอีกครั้ง

หรือถ้า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่เป็นแล้ว อย่างน้อยก็ขั้วรัฐบาลนี่แหละจะได้บริหารประเทศ

ยิ่งสถานการณ์ของรัฐบาลหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เป็นสถานการณ์ที่ต้องยอมรับว่าแย่ลง ผลการสำรวจความนิยมจากสำนักโพลต่างๆ ก็ระบุว่าแย่

ถ้าต้องการจะสกัดพรรคคู่แข่งอย่างพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ต้องใช้กฎหมาย
ด่านแรก คือ การเปลี่ยนสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากหาร 100 มาเป็นหาร 500
ด่านต่อไป คือ ร้องศาลรัฐธรรมนูญว่าบทบัญญัติดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญปี 2560

และถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยที่มีผลกระทบต่อร่าง พ.ร.ป. 2 ฉบับ

คำถามเดิมๆ ที่เคยถามกันมาหลากหลายครั้งจึงปะทุขึ้น

แล้วจะมีการเลือกตั้งกันไหม?

นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image