เดินหน้าชน : พปชร.ต้องชนะ

โฟกัสของการเลือกตั้ง ส.ส.ที่่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 คือการต่อสู้กันระหว่าง คสช.หรือรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย

ทั้งสองฝ่าย จึงมีการวางเกมและแก้เกมกัน รวมทั้งชิงไหวชิงพริบ เพื่อเป้าหมายคือ ชัยชนะในการเลือกตั้ง
แม้พรรคเพื่อไทยจะรู้ตัวว่าโอกาสที่จะได้เป็นรัฐบาลแทบเป็นไปไม่ได้ แต่การได้ ส.ส.มากที่สุด จะชี้ให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยยังได้รับความไว้วางใจจากประชาชน

เป็นชัยชนะที่เหนือ คสช.ที่บริหารจัดการประเทศมาเกือบ 5 ปี

การเลือกตั้งครั้งนี้ มีการตั้งกติกาใหม่ เพื่อหวังสกัดพรรคเพื่อไทย ไม่ให้ชนะเลือกตั้งเหมือนที่ผ่านมา

Advertisement

โดยกำหนดการเลือกตั้งในรูปแบบจัดสรรปันส่วนผสม ใช้ผ่านบัตรเลือกตั้งใบเดียว

ทั้งยังกำหนดข้อห้ามใหม่คือ ห้ามพรรคปล่อยให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคครอบงำหรือชี้นำ และห้ามบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคครอบงำพรรค

ซึ่งกติกาใหม่นี้ มองเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากขู่ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ให้มายุ่งกับพรรคเพื่อไทย และห้ามพรรคเพื่อไทย ไม่ให้ใช้ ทักษิณ ชินวัตร หาเสียง

หากฝ่าฝืน มีโทษถึงขั้นยุบพรรค และตัดสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรค

พรรคเพื่อไทยจึงต้องวางเกมและกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อสู้กับกติกาใหม่

ทำอย่างไรจึงจะชนะการเลือกตั้ง โดยกวาด ส.ส.ให้ได้มากที่สุด

ทำอย่างไรจะไม่ถูกยุบพรรค ซ้ำรอยกับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน

หนึ่งในเกมของพรรคเพื่อไทยคือ กรรมการบริหารพรรค จะไม่เน้นบุคคลที่เป็นแกนนำ เพื่อไม่ให้ถูกเด็ดหัวหรือถูกตัดสิทธิทางการเมือง หากถูกยุบพรรค

หนึ่งคือ สร้างเครือข่ายพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ และพรรคไทยรักษาชาติ

เป้าหมายคือ เก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่จะได้เพิ่มขึ้น

ที่สำคัญคือ หากพรรคเพื่อไทย ถูกยุบหลังการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็สามารถย้ายไปสังกัดพรรค    เครือข่ายได้

แต่หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้ผู้สมัครของพรรคขาดคุณสมบัติ ทางพรรคก็แย้มเกมสู้ไว้แล้วว่า จะปลุกให้มีการโหวตโน ในทำนองว่า เมื่อผู้สมัครพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับเลือกตั้ง พรรคอื่นๆ       ก็ต้องไม่ได้เช่นกัน เพื่อให้มีการจัดเลือกตั้งใหม่

ส่วนการย้ายพรรคของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปยังพรรคเครือข่ายในช่วงนี้ ก็เป็นการเดินตามเกมของ คสช.และรัฐบาล ที่มีการตั้งพรรคการเมือง และกลุ่มการเมืองที่เดินสายดูดอดีต ส.ส.เข้าร่วม

ซึ่ง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้เหตุผลแบบนิ่มๆ โดยหยิบคำพูดของอีกฝ่ายที่คุ้นๆ หู มาอธิบายว่า “การย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และถือเป็นธรรมชาติของการเลือกตั้ง ที่ปกติแล้วเมื่อใกล้ถึงช่วงเลือกตั้ง มักจะมีนักการเมืองย้ายพรรค”

ขณะที่เกมการเมืองของ คสช.และรัฐบาลนั้น หลายฝ่ายมองว่า มีแต้มต่อที่เหนือกว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นกลไกอำนาจรัฐ และมาตรา 44

การตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มี 4 รัฐมนตรีเป็นแกนนำ เป็นหนึ่งในหมากที่หนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีภายหลังการเลือกตั้ง

ถึงพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งก็ไม่ใช่ปัญหา โดยพรรคพลังประชารัฐ จะจับมือพรรคพันธมิตร และ 250 ส.ว. โหวตเลือก “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ

ที่จะมีปัญหาคือ รัฐบาล “บิ๊กตู่” อาจจะมีเสียงข้างน้อยในสภา

หากถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือสภาโหวตคว่ำกฎหมายสำคัญ จะใช้ไม้สุดท้ายคือ ยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ได้รับเลือกตั้งกลับมาอีก เนื่องจาก คสช.และ ม.44 สิ้นสภาพไปแล้ว

ปัญหาคือ จะทำอย่างไรให้พรรครัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image