ผู้เขียน | เทวินทร์ นาคปานเสือ |
---|
มวยการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งเพิ่งจะไหว้ครู ก็เริ่มงัดกลยุทธ์ขึ้นมาสัประยุทธ์กันดุเดือด เข้มข้น ตื่นเต้น เร้าใจ ชวนให้ติดตาม
ไม่ว่าจะเป็นการส่งสัญญาณจากผู้มีอำนาจรัฐบาลจะปิดโอกาสไม่ให้ต่างชาติเข้ามาสังเกตการณ์การเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ 2562
โดยอ้างว่าไทยสามารถจัดการเลือกตั้งได้ไม่มีปัญหาอะไรที่ต่างชาติจะต้องเข้ามาวุ่นวาย
ขณะที่ฟากไม่เห็นด้วยก็ตอบโต้ทันควันว่า ถ้าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นมีความโปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรมจริงต้องกลัวทำไม?
ก่อนที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์จะเลยเถิดไปไกล อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ออกมาตอบคำถามหลังถก 77 พรรคการเมืองเคลียร์เรื่องการหาเสียง งบประมาณ ถึงเรื่องดังกล่าวว่า เท่าที่หารือกับ กกต.ทั้ง 7 คนทุกคนเห็นด้วยในหลักการที่จะให้องค์กรต่างชาติ เข้ามาสังเกตการณ์เลือกตั้งได้
เนื่องจาก กกต.ยุคก่อนดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 ให้มีผู้สังเกตการณ์ อะไรที่เคยทำก็ทำไป
ไม่มีเหตุผลที่จะไปยุติ!
สยบข่าวให้-ไม่ให้ ผู้สังเกตการณ์เลือกตั้งจากต่างชาติได้ไม่ทันข้ามคืน การจัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ ที่อิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งมียอดบริจาคทะลุ 650 ล้านบาทภายในค่ำคืนเดียว
สร้างรอยยิ้มให้กับผู้จัดงานไม่ทันไร ปัญหาต่างๆ เริ่มถาโถมเข้ามาทันควัน
หลายพรรคออกมาตั้งคำถาม เรียกร้อง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ พร้อมทั้งจี้ให้เปิดเผยรายชื่อกลุ่มผู้สนับสนุนซื้อโต๊ะจีนและร่วมบริจาคเงินครั้งนี้ด้วย
แถมมีการปล่อยข่าวว่าหน่วยงานของรัฐเข้าไปร่วมซื้อโต๊ะจีนด้วยแล้ว ทำให้ต้นสังกัดที่ถูกพาดพิงต่างพาเหรดออกมาปฏิเสธกันพัลวัน
เพราะการบริจาคนั้น ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 76 ระบุชัด ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่นใดของรัฐ หรือกิจการของรัฐถือหุ้นใหญ่ บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง หรือเข้าร่วมกิจกรรมระดมทุน
หากตรวจสอบพบว่า หน่วยงานของรัฐร่วมลงขันระดมทุน จะมีความผิดตามมาตรา 128 โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งปรับทั้งจำ
นอกจากนี้มาตรา 64 ให้หัวหน้าพรรคการเมืองต้องปิดประกาศรายชื่อผู้บริจาค จำนวนเงิน ให้ประชาชนทราบ รวมทั้งต้องแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วัน
เจตนารมณ์ของกฎหมายก็เพื่อต้องการให้ทราบที่มาที่ไปของเงินบริจาคด้วย เป็นการป้องกัน “เงินสกปรก” ที่อาจจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง หรือมาซื้อตัว ส.ส. ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายยิ่ง
อย่างไรก็ตาม การจัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนเงินบริจาคเข้าพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ จะต้องเปิดเผยรายชื่อ 2 ทาง คือนายทะเบียนพรรคการเมืองและสาธารณชนให้ทราบภายใน 18 มกราคม 2562
ซึ่งแกนนำพรรคออกมายืนยันขอเวลาเพียง 3 สัปดาห์จะชี้แจงได้ตามระเบียบกฎหมายทั้งหมด
เมื่อถึงเวลานั้นจะได้รู้กันว่ามีกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเป็นใคร กลุ่มทุนไหน ทำถูกต้องตามระเบียบที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่?
และมีความเกี่ยวกันกับรัฐบาลและรัฐมนตรีชุดนี้อย่างไร?
ที่สำคัญกลุ่มทุนผู้บริจาคเงินนั้นจะยอมให้เปิดเผยรายชื่อหรือไม่
หรือจะแจ้งเพียงผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
เพราะเมื่อมีรายชื่อ บริษัท ห้างร้าน โผล่ออกมาเมื่อไหร่ ก็ต้องพร้อมที่จะเผชิญกับการตรวจสอบ ขุดคุ้ย จากฝั่งตรงข้ามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว ธุรกิจ กับ รัฐบาล หรือรัฐมนตรีที่ยังสวมหมวกสองใบในรัฐบาลชุดนี้อย่างไร?
จะมีผลประโยชน์ตอบแทนในอนาคต หรือปัจจุบันหรือไม่?
ล้วนเป็นสิ่งท้าทายยิ่งกับอนาคตกลุ่มทุนและพรรคพลังประชารัฐ?!
เทวินทร์ นาคปานเสือ