เดินหน้าชน : ฝ่ายค้านก็มีศักดิ์ศรี

ผลการเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา แทบไม่น่าเชื่อว่าภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศ วันนี้ผ่านมาเกือบ 2 เดือน เรายังไม่รู้เลยว่าพรรคไหนจะจัดตั้งรัฐบาล และใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

การเมืองเข้ามาอยู่ในภาวะอึมครึม วุ่นวาย สับสน แต่กลับสะท้อนตัวตนของนักการเมืองไทยออกมาอย่างโจ๋งครึ่มว่าความต้องการที่แท้จริง คือการแสวงหาอำนาจมากกว่าการทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้

นักการเมืองเดินเกมการเมืองที่เข้าทางกลุ่มอำนาจเก่า ที่ร่างรัฐธรรมนูญนี้ขึ้นมา เพราะความรู้เท่าทันนักการเมืองเหล่านี้ แต่สุดท้ายเค้าลางของนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คงไม่ผิดไปจากเค้าโครงของรัฐธรรมนูญที่ดักทางและเดินหน้าสืบทอดอำนาจให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากกลไกขององค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญที่เอื้ออำนวย แล้วจะมีสิ่งไหนเข้ามาแทรกแซงให้ผิดไปจากนี้ได้อีก

ผมว่าฟากที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย คงได้บทสรุปว่าการเดินเกมเป็นรัฐบาลเป็นเรื่องเสียเปล่า เพราะการหวังพึ่งพิงพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ถ้าไปดูพฤติกรรมทางการเมืองของทั้ง 2 พรรค ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าคำตอบนั้นจะยืนอยู่ฝ่ายไหน

Advertisement

สุดท้ายพรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” คงประเมินแล้วว่า ไม่มีโอกาสเอาชนะในการลงมติเลือกนายกฯ และก็ไม่ควรไปฝืน ควรใช้โอกาสนี้ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ฝ่ายตรวจสอบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่มีเสียงปริ่มน้ำอย่างเข้มข้น ทั้งการทำงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และย้อนไปถึงแนวนโยบายที่ผิดพลาดมากมายตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่ารัฐบาล คสช.ภาค 2 จะอยู่ได้ไม่นาน

เช่นเดียวกับความเห็นของ “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ ที่เตือนสติว่า ฝ่ายประชาธิปไตยต้องยืนอยู่กับโลกของความเป็นจริง ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ แล้วจะต้องเอาสิ่งแปลกปลอมเข้ามาเจือปน เป็นฝ่ายค้านอย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่า เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาลได้ ก็อยู่ไม่นาน แล้วถึงที่สุดชัยชนะก็จะเป็นของฝ่ายประชาธิปไตย

สัญญาณของ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ส่งไปยังหมู่มิตรทั้งหลายในซีกของการเป็นนักการเมืองว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยเราไม่รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน

ถามว่าฝ่ายประชาธิปไตยเราจำเป็นจะต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นหรือไม่ เห็นว่าไม่จำเป็น เป็นฝ่ายค้านก็เป็นได้ แล้วรอมาเป็นรัฐบาลในวันที่เราชนะอย่างเต็มรูปแบบ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะยิ่งใหญ่มากกว่าการคบคนไม่เลือกหน้าในทางการเมือง

ให้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเสมอ พรรคการเมืองที่ยังไม่ตัดสินใจ ถ้าเขาจะมาร่วมด้วย เขามาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ควรรอให้เราอายตัวเอง เราควรยืนหยัดอย่างมีเกียรติ เสียงระหว่าง 245-253 ในสภา อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเล่นเป็น เพราะในจำนวน 253 คน 3 คน ต้องเป็นประธาน รองประธานสภา เราควรรอโอกาส การไม่รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ทำให้เราเสียโอกาส

เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีทางเดินไปถึง 376 เสียง เพราะมันถูกล็อกด้วยตัวเลขอย่างชัดเจน ยกแรกเขาชนะอยู่แล้ว การต่อสู้ทางการเมืองต้องไม่หลอกตัวเอง ถ้าหลอกตัวเองเมื่อไรก็แพ้ทันที แม้กระทั่งการคิดแบบเพ้อฝัน เอาอีกฝ่ายหนึ่งมารวมกันก็ไม่ถึง 376 อยู่ดี

เชื่อว่ายังมี 250 เสียงจาก ส.ว.ที่ตั้งโดย คสช.ก็สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกฯได้อยู่ดี ปล่อยให้ “บิ๊กตู่” หันไปพึ่งเสียง ส.ว.250 เสียง เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพื่อให้
นายกฯถูกทวงถามเรื่องความสง่างาม

ผมว่ายังภาระที่สำคัญๆ ที่จะให้ฝ่ายค้านได้แสดงฝีมือ ทั้งการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี การตั้งกระทู้ถามรัฐบาล การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือแม้แต่เรื่องฉาวโฉ่ที่รัฐบาลเก่าทำไว้ก็ยังสามารถขุดขึ้นมาบดขยี้ได้อีกมาก

ถึงเวลาควรปล่อยให้การเมืองมาเล่นกันในสภา ให้เดินตามระบอบที่ควรจะเป็น ปล่อยให้ระบบฆ่าสิ่งแปลกปลอมจะดีกว่า…

พันธศักดิ์ รักพงษ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image