ศึกนอก-ศึกใน : โดย ทรงพร ศรีสุวรรณ

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหากันเป็นมือระวิง ทั้งมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด และการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ก็เกิดปัญหาขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล

มีกระแสเคลื่อนไหวเรียกร้องให้เปลี่ยนตัว อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เป็นหัวหน้าพรรค และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เลขาฯพรรค รวมทั้งปรับ ครม.ใหม่

ทั้งยังมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นอกจากนี้ ยังมีชื่อของ ส.ส.ที่อกหักพลาดเก้าอี้รัฐมนตรีว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีเมื่อมีการปรับ ครม.

เสียงเรียกร้องอ้างว่า มาจากความไม่พอใจเกี่ยวกับการดูแล ส.ส.ภายในพรรคที่ให้การดูแลไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะปัจจัยและสิ่งของที่ ส.ส.จะต้องนำไปช่วยเหลือและดูแลประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19

Advertisement

ร้อนถึงผู้ใหญ่และมีบารมีภายในพรรค ต้องออกโรงเคลียร์

พล.อ.ประวิตรออกมาเบรกว่า จะไม่มีการปรับเปลี่ยนหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งไม่ปรับ ครม.ในช่วงนี้

พล.อ.ประยุทธ์ก็ส่งสัญญาณผ่าน อุตตม สาวนายน ที่ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบนายกฯว่า นายกฯได้ให้กำลังใจ พร้อมชี้แนะว่า เรื่องของพรรคจะเรียบร้อยได้ด้วยการหารือกันอย่างใกล้ชิด และบอกด้วยว่า ให้ทำหน้าที่และทำงานต่อไป เหมือนที่ทำอยู่ตอนนี้ ทำด้านไหนอยู่ก็ทำเช่นนั้นต่อไป ดังนั้น ในส่วนของพรรคก็ไม่มีอะไรแล้ว

Advertisement

ขณะที่ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ก็ยืนยันถึงปัญหาภายในพรรคว่า “คิดว่ายุติแล้ว เพราะนายกฯบอกว่าทุกอย่างยุติแล้ว”

แม้จะยืนยันเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐจบแล้ว แต่หลายคนเชื่อว่าเป็นการยุติชั่วคราว เนื่องจากมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวในเวลาที่ไม่เหมาะสม และทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลเสียหาย เพราะยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จะต้องแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

และในความเป็นจริง ปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐนั้นมีความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ส.ส.หรือกลุ่มการเมืองมาเป็นระยะๆ

เรื่องที่จะให้ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พ้นเก้าอี้เลขาฯพรรค ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

ปัญหาการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งก็ยังไม่หมดไป

คาดกันว่า เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย อุณหภูมิทางการเมืองจะกลับมาร้อนอีกครั้ง

พรรคร่วมฝ่ายค้านต้องเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้เงินจำนวนมากในการแก้ปัญหาโควิด-19 และการทุ่มเงินในโครงการต่างๆ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจให้กลับคืนมาโดยเร็ว

ขณะเดียวกัน การเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐก็จะร้อนระอุเช่นกัน ความเคลื่อนไหวทวงถามเก้าอี้รัฐมนตรีจะเกิดขึ้นอีกแน่นอน เพราะรัฐบาลบริหารมาครบ 1 ปีแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องทำตามสัญญาใจที่เคยให้กันไว้

ซึ่งไม่ใช่เฉพาะพรรคพลังประชารัฐเท่านั้นที่จะเกิดปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ก็เช่นกัน มีความเป็นไปได้ที่จะมีการทวงถามเก้าอี้รัฐมนตรี หรือมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคล เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรค

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้นำรัฐบาล จึงต้องแสดงฝีมือ ทั้งการบริหารประเทศ และการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ

เป็นการพิสูจน์ภาวะผู้นำอีกครั้ง

ทรงพร ศรีสุวรรณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image