| ผู้เขียน | โกนจา |
|---|
เดินหน้าชน : กรงกรรมพปชร.
ศึกการ ยึด-แย่ง อำนาจภายในพรรคพลังประชารัฐ ระหว่าง กลุ่มสนับสนุนลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ งัดข้อกับ กลุ่มสนับสนุนอุตตม นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรค พปชร.
การบีบให้กรรมการบริหารพรรค 18 คนยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เพื่อส่งผลให้ อุตตม ต้องพ้นจากเก้าอี้หัวหน้าพรรคตามข้อบังคับพรรค
คำสัมภาษณ์ของ สัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.ชัยภูมิ 1 ใน 18 กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐที่ลงชื่อลาออก สะท้อนภาพความขัดแย้งไว้อย่างชัดเจนว่า เนื่องจากพรรค พปชร.เริ่มมีปัญหาภายในพรรค ตั้งแต่มีการตั้ง ครม.ครั้งที่ผ่านมา มี กก.บห.หลายคน รวมถึงผู้ที่เป็นแกนนำในการเลือกตั้งมีความพอใจและไม่พอใจกับการตั้ง ครม. ทำให้พรรค พปชร.เกิดรอยร้าวเกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าพรรค
พปชร.เป็นพรรคใหญ่เป็นพรรคใหม่ ดังนั้น จึงมีแกนนำหลายกลุ่มมารวมกันทำให้เกิดปัญหาถกเถียง จับกลุ่มการวิจารณ์ในการทำงานของรัฐมนตรี ไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน โดยคาดหวังให้แกนนำแต่ละฝ่ายมีชื่อในการปรับเปลี่ยน ครม.จนเป็นเหตุให้ทะเลาะกันภายในพรรคต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
บางทีผู้ใหญ่ยังไม่ได้ทะเลาะ ผู้ติดตามก็มาให้ข่าวทะเลาะกัน ทำให้เกิดเป็นภาพลบจนเกิดรอยร้าวขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ยอมกัน กก.บห.ก็แบ่งฝ่าย แบ่งเป็นกลุ่ม ในฐานะ กก.บห.หากจะให้พรรค พปชร.ก้าวต่อไปได้อาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
การเมืองรูปแบบนี้ผมจำได้ตั้งแต่ก้าวย่างเข้ามาทำข่าวการเมือง ผ่านมา 20-30 ปีการเมืองไทยก็ยังอยู่ในวังวนน้ำเน่าเช่นเดิม ตัวละครหลายคนก็หน้าเดิมๆ ซ้ำๆ ยังวนเวียนอยู่ในฉากแย่งชิงอำนาจ หลายคนเป็นหน้าใหม่แต่รับบทเก่าๆ จนคอการเมืองจับทางได้
น่าสนใจในคำพูดของ อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้สะท้อนภาพปัญหาที่รุมเร้ารัฐบาลพรรคพลังประชารัฐในขณะนี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ใบเสร็จว่าการปฏิรูปการเมืองไม่มีอยู่จริง นอกจากจะไม่ก้าวหน้ายังล้าหลังย้อนยุคกลับไป 40 ปี รัฐธรรมนูญ 2560 ถูกเปรียบเทียบว่าถอดแบบมาจากรัฐธรรมนูญ 2521 ออกแบบให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อยู่ยาวที่สุดเท่าที่จะยาวได้ แต่สนิมเกิดจากเนื้อใน ผ่านการเลือกตั้งมาเพียง 1 ปี ก็ได้เห็นพฤติกรรมการเมืองโบราณ แบ่งมุ้ง ตั้งก๊วนต่อรอง แย่งชิงเก้าอี้ แย่งชิงผลประโยชน์กันเอง จนพรรคแทบแตก
เวรกรรมมาไว ความขัดแย้งแตกแยกในพรรค พปชร.
รอบนี้หนักเกินเยียวยา รัฐธรรมนูญที่เคยทำให้พรรค พปชร.
ได้ประโยชน์ ถึงเวลาได้รับโทษ เกิดผลกระทบในทางลบ เพราะระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ เป็นหลักฐานสำคัญว่าการปฏิรูปการเมืองไม่มีอยู่จริง
สิ่งเหล่านี้สะท้อนความล้มเหลวในคำสัญญาการปฏิรูปการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน
หมากการเมืองที่วางพล็อตเรื่องไว้ ตั้งแต่ยุค กปปส. ที่ประกาศว่าปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง จนถึงยุคของ คสช. เมื่อปี 2557 ที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว บัญญัติว่าต้องปฏิรูปประเทศใน 11 ด้าน และตั้งสภาเกี่ยวกับการปฏิรูปขึ้นมาถึง 2 สภา คือ สภาปฏิรูปแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนฯ
และสิ่งที่ได้วันนี้ คือรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 ที่บอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป แต่ให้อำนาจหัวหน้า คสช. ล้นเหลือ มีอำนาจแต่งตั้ง 250 ส.ว. ซึ่งมีอำนาจเลือกหัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เพื่อสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร ปกป้องผลประโยชน์ของพวกพ้อง
รัฐธรรมนูญมีภาคบังคับให้เริ่มปฏิรูปการเมืองและด้านอื่นๆ ภายใน 1 ปี นับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 6 เมษายน 2560 แต่ผ่านมา 3 ปี สภาก็ยังเต็มไปด้วยงูเห่า มีลิงที่ชอบกล้วย ส่วนสภาสูงเปรียบเช่นฝักถั่วเต็มไปด้วยข้าราชการระดับสูง
การเมืองไทยวันนี้ เปรียบเสมือนละคร กรงกรรม แต่ฉากจบไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งแน่นอน ….
