เดินหน้าชน : รัฐประหารติดลบ

จะถือเป็นคำมั่นสัญญาของผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดใหม่ได้หรือไม่
ภายหลัง “บิ๊กแก้วŽ” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) แถลงจุดยืนภายหลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 1/2563

โดยมี “บิ๊กบี้Ž” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)

“บิ๊กอุ้ยŽ” พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)

“บิ๊กแอร์Ž” พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.)

Advertisement

“บิ๊กปั๊ดŽ” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

ถึงบทบาทกองทัพกับการเมืองจะวางตัวอย่างไร

โดย บิ๊กแก้วŽ ตอบกลับมาว่า

Advertisement

“เรื่องการเมืองเป็นเรื่องการบริหารประเทศตามอำนาจหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ทหารเป็นกลไกของรัฐบาล ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลทุกด้านส่วนด้านการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการในส่วนของผู้เกี่ยวข้องกับการเมือง บทบาททหารไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่สิ่งที่อาจจะเกี่ยวพันหรือทาบทับกันคือเรื่องความมั่นคงของรัฐ ที่เป็นหน้าที่โดยตรงของทหาร ซึ่งไม่ต้องมีผู้ใดสั่ง แต่ภาคการปฏิบัติเราอยู่ภายใต้กรอบแนวทางนโยบายรัฐบาลทุกเรื่อง”

ส่วนคำตอบที่ต้องขีดเส้นใต้ ไว้ ณ วันที่ 5 ตุลาคม 2563 ของ “บิ๊กแก้วŽ” ที่ตอบคำถามว่า

“ทหารจะทำหน้าที่นอกรัฐธรรมนูญ หรือจะทำปฏิวัติหรือไม่ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้อยู่ในแนวทางดำเนินการ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทหารคือประชาชน ในส่วนของทหารมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”

“และเชื่อมั่นอย่างที่ประชาชนเชื่อมั่นว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตยจะเป็นการปกครองที่แย่น้อยที่สุดในภาพของสังคมโลก”

“เพียงแต่จะทำอย่างไรให้ได้รับโอกาสและสิทธิต่างๆ ให้มีมาตรฐานและคุณภาพชีวิตเพื่อเพิ่มโอกาสเป็นพลเมืองเป็นพลังแผ่นดินกระจายไปทั่วทุกพื้นที่”

การปฏิวัติไม่ได้อยู่ในความคิดของทหารในปัจจุบันŽ

เช่นเดียวกับ “บิ๊กบี้Ž” พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่แถลงจุดยืนภายหลังเป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.)

วาระพิเศษระดับผู้บัญชาการกองพลครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ถึงแนวนโยบายกองทัพกับการเมืองว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง

ส่วนคำถามเรื่องการรัฐประหารนั้น คำถามนี้ถามมาทุก ผบ.ทบ.ทุกคนก็ตอบไปหมดแล้ว

สำหรับผมอยากให้ทุกคนร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ด้วยการขจัดเงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ให้หมดไปจากประเทศไทยและติดลบ เพราะศูนย์ก็ไม่พอ แต่การจะติดลบได้ทุกคนต้องช่วยกันŽ

แน่นอนการรัฐประหารของผู้นำเหล่าทัพกับการเมืองไทย ตลอด 13 ครั้งที่ผ่านมา

ไม่มีคำมั่นสัญญาใดๆ มาการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าจะไม่มีการรัฐประหารในประเทศไทยอีก

อย่างการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 บิ๊กบังŽ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ. และอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

ก็เคยยืนยันหนักแน่นกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าจะไม่รัฐประหาร แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

แต่ด้วยสถานการณ์และวันเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับความก้าวหน้า ของเทคโนโลยีและข้อมูลข่าวสาร

ทำให้จุดยืนและความคิดของผู้นำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 อย่าง บิ๊กบังŽ ต้องคิดใหม่ พร้อมกับยอมรับว่า

ไม่เชื่อว่าจะมีรัฐประหาร เพราะปัญหาของความขัดแย้งในประเทศก็รุนแรงพอแล้ว ดังนั้นวิธีแก้ก็มีวิธีการอยู่ ไม่จำเป็นต้องมีรัฐประหารŽ

แน่นอนทางออกและวิธีแก้ปัญหาตามระบอบประชาธิปไตยนั้นมีอยู่

แม้บางเรื่องอาจต้องลองผิด ลองถูก ต้องใช้เวลาเรียนรู้

แต่ก็เป็นไปตามกรอบและครรลองของระบอบประชาธิปไตย

การจะแก้ปัญหาประเทศ ด้วยวิธีการพิเศษนอกรัฐธรรมนูญ

ด้วยการยกสารพัดเหตุผล มาเป็นข้ออ้าง ในยุคสมัยนี้ อาจจะไม่สำเร็จ

ราบรื่นเหมือนในอดีต และสุ่มเสี่ยงที่จะนำประเทศไปสู่ทางตัน

คำสัญญาหรือจุดยืนของผู้บัญชาการเหล่าทัพว่าจะไม่รัฐประหาร

จะไม่สำคัญเท่ากับการกระทำให้ประชาชนได้เห็นว่าพูดจริง ทำจริง

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image