หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ ให้กลุ่มเด็กนักเรียนอายุ 12-17 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคมเป็นต้นไป เพื่อเตรียมพร้อมการเปิดภาคเรียนใหม่ ขณะที่ผู้ปกครองหลายคนวิตกกังวลกับข้อมูลและผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนแต่ละชนิดให้กับเด็กนักเรียนว่าจะมีความปลอดภัยหรือไม่
โดยข้อมูลขณะนี้วัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนขององค์การอาหารและยา (อย.) ให้ใช้สำหรับกลุ่มเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ขึ้นไป ในประเทศไทยมียี่ห้อไฟเซอร์และโมเดอร์นา ที่ได้รับการอนุมัติออกเป็นเอกสารกำกับยาในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา
แต่ข้อสงสัยที่ผู้ปกครองต้องการคำตอบในเวลานี้ คือ ความปลอดภัยและผลข้างเคียงของการใช้วัคซีนในเด็ก และข้อมูลการฉีดวัคซีนไฟเซอร์กับเด็กไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีผลเป็นอย่างไร ขณะที่ข้อมูลที่ออกจากหมอ ฝั่งของกระทรวงสาธารณสุข และหมอจากคณะแพทย์ ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ยังดูสับสน และไม่มีข้อสรุปที่ตรงกัน
อย่างข้อมูลล่าสุด เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ของ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า กรณีการฉีดวัคซีน COVID-19 ในเด็กว่า โรค COVID-19 ในเด็ก อายุ 12-17 ปี จะมีอาการไม่มาก หรือเสียชีวิตน้อยมาก
จากการศึกษาในสหรัฐอเมริกาช่วงการระบาด 120 วัน เด็กวัยรุ่น 1 ล้านคน ผู้ชายเสียชีวิต 2 คน ถ้าเป็นผู้หญิงเสียชีวิต 1 คน
การติดเชื้อในเด็กส่วนมากจะรับเชื้อมาจากผู้ใหญ่ เช่น ผู้ปกครอง ครอบครัว ครูและบุคลากรในโรงเรียนเมื่อเด็กมารวมกันเป็นกลุ่ม จะเป็นต้นเหตุของการระบาดได้การให้วัคซีนในผู้ใหญ่จึงมีความสำคัญในการป้องกันเด็ก และการให้วัคซีนในเด็กจะต้องมีความปลอดภัยสูง
วัคซีน mRNA อาการข้างเคียงที่สำคัญคือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อายุน้อยพบมากกว่าผู้ที่สูงอายุเพศชาย พบมากกว่าเพศหญิง
ส่วนใหญ่พบในเข็มที่ 2 มากกว่าเข็มแรกประเทศ อังกฤษ สวีเดน และฮ่องกง ให้ฉีดเพียงเข็มเดียวการฉีดเข็มเดียวภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น ไม่เพียงพอ
เมื่อมีวัคซีน mRNA กระทรวงสาธารณสุข ให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการ วัคซีน mRNA มีอยู่ข้อหนึ่งว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิดใดมาก็ตาม สามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เป็นเข็มที่ 2 โดยกำหนดระยะห่างตามวัคซีนเข็มแรก
บุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีนเชื้อตาย ซิโนแวค หรือ ซิโนฟาร์ม แล้วฉีดไฟเซอร์เข็มที่ 2 น่าจะได้มีการรวบรวมอาการข้างเคียง ทางศูนย์ก็ยินดีที่จะตรวจภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นหลังจากการฉีดดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางในการใช้ในเด็กวัยรุ่น ในการให้วัคซีน mRNA เพียงเข็มเดียว เพื่อลดการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ส่วน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า การฉีดวัคซีนมีเรื่องที่จะต้องคำนึงอยู่ 2 ประการ คือ 1.ประสิทธิภาพของวัคซีน และ 2.คุณภาพของวัคซีน วัคซีนที่จะนำมาฉีดให้กับคนไทย ต้องผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขณะนี้มีวัคซีนที่ อย.อนุมัติให้ฉีดในเด็กที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป คือวัคซีนไฟเซอร์
ขอชี้แจงต่อผู้ปกครองว่าวัคซีนที่นำมาฉีดนั้นเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพ ปลอดภัย สธ. และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะร่วมกันดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดี
ขณะที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เริ่มฉีดวัคซีนซิโนฟาร์ม นำร่องให้กับเด็กและเยาวชน อายุ 10-18 ปี ผ่านโครงการศึกษาวิจัย จำนวน 2,000 คน เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา
และจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์ม ทั้งหมด 43 โรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมจำนวนนักเรียน 50,479 ราย
สวนทางกับข้อมูลของ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. เปิดเผย เมื่อวันที่ 20 กันยายน เช่นกัน ที่ระบุว่า วัคซีนซิโนฟาร์ม เป็นวัคซีนเชื้อตายขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ขึ้นทะเบียนสำหรับเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป
เนื่องจากข้อมูลความปลอดภัยในการใช้วัคซีนยังไม่เพียงพอ และขาดข้อมูลด้านประสิทธิผลของวัคซีนในการป้องกันโรคในกลุ่มอายุ 3-17 ปี โดย อย.ขอให้บริษัท ไบโอ จีนีเทค จำกัด ผู้ได้รับอนุญาตนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มในประเทศไทย ได้นำส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับ อย.โดยด่วน
เมื่อคำถามเรื่องการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียน ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ได้มี คำตอบ ที่ชัดเจนและตรงกัน
สุดท้ายผู้ปกครองก็ต้องพึ่งตัวเองว่าจะเชื่อข้อมูลของหน่วยงานไหน เพื่อตัดสินใจเลือกฉีดวัคซีนให้กับบุตรหลานของตัวเอง
จตุรงค์ ปทุมานนท์