เดินหน้าชน : ใคร?ใจร้ายกับประเทศ โดย โกนจา

คอลัมน์เดินหน้าชน : ใคร?ใจร้ายกับประเทศ โดย โกนจา

“ผมควบคุมไม่ได้ในสภา เป็นเรื่องของวิปทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ต้องคุยกันให้รู้เรื่องว่าเรื่องไหนสำคัญ และเรื่องไหนเป็นกฎหมายที่จำเป็นต้องออกทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคมสิ่งแวดล้อมและการศึกษา ไม่ใช่ไม่ออกเพื่อให้รัฐบาลล้ม ผมว่าใจร้ายเกินไป ใจร้ายกับประเทศเกินไป”

นั่นคือเสียงตัดพ้อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ท่ามกลางความเปราะบางของเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ที่สะท้อนผ่านองค์ประชุมในสภาที่เกิดภาวะล่มบ่อยครั้ง

และยังสะท้อนความไม่เข้าใจการเมืองในระบบรัฐสภาของคนที่พูด เพราะเสียงในสภานี่แหละคือปัจจัยสำคัญในการล้มรัฐบาล หรือคงหลงลืมไปแล้วว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” เองก็เกือบจะกระเด็นหลุดออกจากเก้าอี้เพราะเสียงในสภา

ยิ่งคำตอบที่บอกว่า “ถ้าไม่มีใครยุแยงตะแคงรั่วก็ดีอยู่” เมื่อเจอคำถามเรื่องความเป็นปึกแผ่นในพรรคพลังประชารัฐ ยิ่งสะท้อนให้เห็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในพรรคได้เด่นชัดที่สุด

Advertisement

ฝ่ายค้านรู้ดีถึงจุดอ่อนที่เกิดขึ้น อย่าแปลกใจหาก สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน จะประกาศให้รัฐบาลรู้ล่วงหน้าเลยว่า “องค์ประชุมในสภาเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะเห็นว่าเมื่อฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยกับการทำงาน หากนับองค์ประชุมก็จะล่มตลอด ฉะนั้นฝ่ายค้านก็เพียงแค่กระตุกและเตือนให้รัฐบาลต้องระมัดระวังในการทำงานและรับผิดชอบให้มากขึ้น ต่อไปนี้จะมาหวังให้ฝ่ายค้านเป็นองค์ประชุมอย่างเดียวก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านจะต้องนับองค์ประชุมทุกครั้งนี่คือมาตรการทางสภาที่ต้องนำมาใช้”

และ จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ออกมาตอกลิ่มว่า องค์ประชุมล่มฝ่ายรัฐบาลกลับมาโทษฝ่ายค้าน พวกท่านรู้อยู่แก่ใจว่าการมาประชุมแล้วเสียงไม่ครบ สะท้อนว่ารัฐบาลไร้เสถียรภาพอยู่ในภาวะง่อนแง่น แตกมุ้งแตกเหล่า เวลาสภาล่มอย่าได้หาญกล้ามาตำหนิฝ่ายค้าน กรุณาไปตำหนิผู้ใหญ่ของท่านว่าทำไมควบคุมเสียงไม่ได้

วันนี้ ส่อให้เห็นว่ารัฐบาลมีโอกาสที่จะเรือจม เรือแป๊ะกำลังง่อนแง่น ทั้งจากสนิมในตน และจากคนข้างนอกที่มองเข้าไป

Advertisement

“บิ๊กตู่” ไม่แปลกใจบ้างหรือว่า ทำไมตั้งแต่ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค จากเก้าอี้ รมช.เกษตรฯ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากเก้าอี้ รมช.แรงงาน ซึ่งทั้งสองคนคือสายตรงและใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษสุวรรณ หัวหน้าพรรค

แม้ความพยายามล่าสุดที่จะปลดออกจากเลขาธิการพรรคก็ยังไร้ผล วันนี้นอกจากไม่ยุบแล้ว ทั้งสองคนพยายามขยายบทบาทเข้าครอบงำ ส.ส.ของพรรค หากไม่มีแบ๊กอัพดีชื่อ “บิ๊กป้อม” ค่อยหนุนหลัง

ผมเคยชี้ทางให้เห็นแล้วว่า “บิ๊กตู่” กำลังยืนอยู่บนทางสองแพร่ง

ทางที่หนึ่ง ยอมถอยเพื่อลดการเผชิญหน้ากับทีมบิ๊กป้อม เพราะเก้าอี้รัฐมนตรียังว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง ทั้งข้อเสนอจากทีมบิ๊กป้อม คือ ยกเก้าอี้ให้ พล.อ.ประวิตรนั่งรองนายกฯควบ รมว.มหาดไทย แถมพ่วงกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือเยียวยา 2 คนรู้ใจกลับเข้ามานั่งใน ครม. ซึ่งทางเลือกนี้ “บิ๊กตู่”
สามารถอยู่ต่อยาวๆ ไปจนครบวาระ

ทางที่สอง คือ ทางที่ “บิ๊กตู่” กำลังเดินเกมในขณะนี้ คือ ยอมหักไม่ยอมงอ ไม่มีการปรับ ครม. เดินหน้าทำงานการเมืองรวบรวม ส.ส. เดินสายเอาใจกลุ่มการเมืองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ธรรมนัส” เพื่อสร้างอำนาจต่อรอง

วันนี้เราจึงเห็นภาพการเมืองในการประชุมสภาสมัยนี้ คือ การปล่อยให้สภาล่มบ่อยๆ องค์ประชุมไม่ครบถี่ๆ แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของรัฐบาลในการคุมเสียงในสภา

และไม่แน่ อาจเห็นภาพ ส.ส.ซีกรัฐบาลพร้อมใจกันคว่ำกฎหมายที่รัฐบาลเสนอ

เสียงตัดพ้อ “บิ๊กตู่” ที่กล่าวหา กลุ่ม ส.ส.ที่ตั้งใจล้มกฎหมายที่จำเป็นว่า เป็นพวกใจร้ายกับประเทศเกินไป

เป็นคำพูดที่นอกจากไม่เข้าใจบริบทของประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาแล้ว ยังใช้ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐมาโยนบาปให้ ส.ส.ที่จ้องล้มกฎหมายของรัฐบาล

อย่าลืมว่ากฎหมายที่รัฐบาลนี้ทำให้แท้ง หรือดึงดันออกมาหลายฉบับ ก็อาจใจร้ายกับประเทศเกินไป

วันนี้เราต้องหันมาชั่งน้ำหนักแล้วว่า ใคร?ใจร้ายกับประเทศเกินไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image