3 ป. อย่ายอมแพ้?

ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายหลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรค พปชร. พร้อมกับกลุ่ม ส.ส.พรรค พปชร.อีก 20 คน

ขอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และ ส.ส.มีมติขับออกจากเป็นสมาชิกพรรค พปชร.
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา

โดยมีกระแสข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส และกลุ่ม ส.ส.อีก 20 คน จะเข้าสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย

ที่ตามกระแสข่าววางตัว “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์ พรรค พปชร.
เป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย

Advertisement

ซึ่งสถานะของพรรคเศรษฐกิจไทย หากกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พร้อมกับ 20 ส.ส.ไปสังกัดนั้น ในทางการเมืองยังไม่ชัดว่า พรรคเศรษฐกิจไทยจะอยู่ในขั้วไหน

ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน หรือฝ่ายอิสระ ซึ่งไม่มีในสารบบของสภา แต่ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน คือ เสียงของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคแกนนำอย่าง พรรค พปชร.

จะหายไปด้วยตัวเลขกลมๆ 21 เสียง ที่ยังต้องลุ้นว่า ทั้ง 21 เสียง ในสังกัดของ ร.อ.ธรรมนัส จะโหวตสนับสนุนรัฐบาล และ “บิ๊กตู่” หรือไม่

Advertisement

เพราะในทางการเมือง ต่างทราบกันดีว่า “บิ๊กตู่” กับ ร.อ.ธรรมนัส จบกันไม่สวย ภายหลังเกิดปฏิบัติการเขย่าเก้าอี้นายกฯ ของ “บิ๊กตู่” ด้วยฝีมือของคนกันเอง

เมื่อครั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในช่วงเดือนกันยายน 2564 ทางหนึ่งในฝ่ายของ “บิ๊กตู่” อาจจะสบายใจได้ในระดับหนึ่งว่า

การขับ ร.อ.ธรรมนัส พร้อมกับ 20 ส.ส. เป็นเหมือนกันแยกคนที่สังกัดพรรคเดียวกัน แต่อยู่คนละพวก ให้ชัดเจนจะได้ไม่ต้องระแวงกันอีกต่อไป

แม้รัฐบาลจะต้องยอมแลกกลับมาเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำในสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง หากบิ๊กๆ “กลุ่ม 3 ป.”
บริหารจัดการเสียง ส.ส.ให้มาสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลได้ไม่ดีพอ

เสถียรภาพของรัฐบาลนับจากนี้ไป คงไม่ต่างอะไรกับสภาพการขับรถออกไปบนท้องถนน แม้จะระมัดระวังให้ดีแค่ไหน แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะประสบอุบัติเหตุได้อยู่ตลอดเวลา

จากสภาพของเสียงของ ส.ส.ในสภาที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ในขณะนี้อยู่ที่ 475 คน แบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล 267 คน และฝ่ายค้าน 208 คน

หากหัก ส.ส.ของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส และพวก 21 คน จะทำให้เสียงของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเหลืออยู่ 246 เสียง มากกว่าเสียงของ ส.ส.ฝ่ายค้านอยู่ 38 เสียง

ขณะที่กึ่งหนึ่งขององค์ประชุมสภา คือ 238 คน ซึ่งเสียงของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 246 เสียง มีมากกว่ากึ่งหนึ่งขององค์ประชุมเพียง 8 เสียง

ยิ่งในช่วงที่มีกฎหมายสำคัญๆ ทั้ง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีฯ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ต้องใช้เสียงข้างมาก เป็นตัวชี้ขาดว่ารัฐบาลจะ “อยู่” หรือ “ไป”

หากบิ๊กๆ “กลุ่ม 3 ป.” ยังรักกันแบบ “ฟอร์เอฟเวอร์” ยังคุยกันรู้ทุกเรื่อง และมีเพียงแค่ความตายเท่านั้นจะมาแยกความสัมพันธ์ของพี่น้อง “กลุ่ม 3 ป.” ได้

ย่อมคงช่วยกันประคับประคองเรือแป๊ะของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ให้ฝ่ามรสุมทางการเมืองกันไปได้ แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม

เกิดคุยกันไม่รู้เรื่องขึ้นมาเมื่อใด ต่อให้ผู้นำรัฐบาลจะร้องเพลง “อย่ายอมแพ้” อีกกี่รอบ ก็คงจะค้ำยันสถานะของรัฐบาลให้อยู่รอด ครบวาระ 4 ปี ได้ลำบากแน่

จตุรงค์ ปทุมานนท์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image