การแข่งขันเซปักตะกร้อ เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เมืองปาเล็มบัง ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม มีชิง 2 เหรียญทองในประเภททีมชุดชาย, ทีมชุดหญิง
โดยในประเภททีมชุดชาย ทีมนักตะกร้อทีมชาติไทย แชมป์เก่า 5 สมัย ลงสนามพบกับคู่ปรับตลอดกาล “เสือเหลือง” มาเลเซีย ทีมชุดเอ ไทยส่ง อัษดิน วงศ์โยธา ตัวชง, อนุวัฒน์ ชัยชนะ เป็นตัวทำ และ จันทฤทธิ์ คู่แก้ว เสิร์ฟ ลงดวลกับ มูฮัมหมัด ราซัค อาบัด, โมหัด เซลฮาน และ มูฮัมหมัด อาบัด
เซตแรกสู้กันอย่างสูสี แต่พอมากลางเซตทีมไทยเริ่มทำแต้มทิ้งห่างก่อนเอาชนะไปได้ 21-15 จากนั้นในเซตสอง ไทยยังเล่นได้ดีกว่า ทำแต้มนำห่าง 11-6 ทว่า อัษดิน ที่วิ่งไปตามลูกชนป้ายล้มลงเจ็บ แต่ยังฝืนตัวขึ้นมาเล่นต่อได้แล้วเอาชนะ 21-15 ทำให้ไทยขึ้นนำก่อน 1-0 ทีม
จากนั้นทีมบี ไทยส่ง ชุดหลักลงสู้ นำโดย “เจ้าปุ้ย” พรชัย เค้าแก้ว เป็นตัวทำ, ภัทรพงษ์ ยุพดี ตัวชง และ “ซ้ายสั่งตาย” ศิริวัฒน์ สาขา ลงเสิร์ฟ เจอกับ โมฮาหมัด อลิอัส, ฟาร์ฮาน อดัม และ โมฮัมหมัด โมหัด ของเสืองเหลือง เกมต่อสู้กันอย่างสูสี แต่ไทยก็สามารถเอาชนะไปได้ 2 เซตรวด 21-19, 21-13
ทำให้ทีมไทยเอาชนะมาเลเซีย 2-0 ทีม คว้าแชมป์ตะกร้อทีมชุด เป็นสมัยที่ 6 ของทีมตะกร้อชายไทย โดยยังเหลือการแข่งขันอีกหนึ่งรายการคือ ตะกร้อคู่-ทีมชุด ชาย ประเดิมรอบแรก พบ มาเลเซีย ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้
นอกจากนี้ การคว้าเหรียญทองครั้งนี้ ทำให้ “ปุ้ย” พรชัย เค้าแก้ว บวกสถิติเป็นนักตะกร้อชายไทย ที่คว้าเหรียญาทองมาครองมากที่สุด ซึ่งคว้าไปแล้ว 9 ทอง หลังจากหนก่อน “อินชอนเกมส์” แซงสถิติของ “โจ้หลังเท้า” สืบศักดิ์ ผันสืบ และ “โอเล่” สุริยัน เป๊ะชาญ ที่คว้าไป 7 ทองเท่ากัน และยังมีโอกาสเพิ่มเป็น 10 เหรียญทอง หากคว้าเหรียญในประเภทตะกร้อคู่-ทีมชุด อีกหนึ่งรายการ
หลังการแข่งขัน อ.กมล ตันกิมหงษ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมตะกร้อชายไทย กล่าวว่า สำหรับวันนี้ต้องขอชื่นชมนักกีฬา ที่สามารถโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมตามศักยภาพที่สูงสุด สำหรับเกมทีม2 ที่เราโดนนำไปถึง 19-17 แล้วกลับมาได้ ต้องถือว่าเราสามารถเสิร์ฟได้ดีจนกลับมาเอาชนะได้ เหรียญทองแรกนี้ถือว่าช่วยปลดล็อคให้กับทีมตะกร้อไทยได้ ส่วนศึกที่เหลือในประเภทตะกร้อคู่ ทีมชุด เราก็จะพยายามคว้าเหรียญทองให้ได้อีกหนึ่งเหรียญตามที่หวังไว้
