ประเทศไทยเกิดใต้เผด็จการ ชาติไทย เมืองไทย แบบเรียน อนุสาวรีย์

ประเทศไทยเกิดใต้เผด็จการ ชาติไทย เมืองไทย แบบเรียน อนุสาวรีย์

 

ประเทศไทยเกิดใต้เผด็จการ

ชาติไทย เมืองไทย แบบเรียน อนุสาวรีย์

Advertisement

สถานการณ์โลกซึ่งกำลังเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรงระหว่างประเทศ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการดิ้นรนของมหาอำนาจที่กำลังถูกลิดรอนอำนาจ เมื่อรวมกับกลุ่มบุคคลจำนวนน้อยที่กุมชะตาเศรษฐกิจโลก ซึ่งกระหายการจัดระเบียบโลก โดยไม่คำนึงถึงความสุขทุกข์ของประชาชนคนส่วนมาก ทั้งในประเทศที่ตนพำนักอยู่กิน กับประเทศอื่นที่มิได้เห็นสำคัญนอกจากการตักตวงผูกขาดทรัพยากร ผู้นำโลกในช่วงเวลาเหล่านี้จึงกลายเป็นบุคคลที่อันตรายยิ่ง ที่จะก่อความเสียหายร้ายแรงขึ้นในโลก

เพราะไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คนจำนวนน้อยเหล่านั้นไม่ตกในภัยพิบัติเช่นชาวบ้านทั่วไป เนื่องจากมีทรัพย์ศฤงคาร ที่อยู่อันปลอดภัย ห่างความเดือดร้อนได้ยาวนาน หรืออาจตลอดไป

เช่น ยูเครนที่ยั่วยุรัสเซีย ยอมตัวเป็นพื้นที่สงครามตัวแทนโดยไม่คำนึงถึงชีวิตประชาชน ยุโรปที่ตกกระไดพลอยโจนตามมหาอำนาจซึ่งคลั่งการปิดล้อมเพื่ออยากอยู่เป็นหนึ่ง ผลีผลามเอาง่ายๆ ว่า ทำสงครามเพื่อค้าอาวุธสงครามแผ่อิทธิพล ไม่คิดว่าระยะยาวประชาชนจะเจ็บสาหัสจากการขาดแคลนทรัพยากร เอาอัตตามหาอำนาจเป็นตัวนำในการท้าทายอำนาจที่ไม่ด้อยไปกว่าตัว เช่น การเยือนไต้หวันของประธานสภาผู้แทนสหรัฐ โดยไม่คิดว่าการโต้ตอบจะทำอะไรตัวได้

Advertisement

แน่นอน นักการเมืองเหล่านั้นไม่คิดว่าตนจะเดือดร้อน ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ตาม เพราะอยู่ในสถานะที่มีเกราะกำบังนานา ต่อให้เกิดสงครามร้ายแรงก็มีที่ซุกหัวหลบภัย แต่นักการเมืองเหล่านั้นคำนึงถึงชีวิตและทุกข์สุขประชาชนหรือไม่ เมื่อการปิดกั้นทรัพยากรที่เคยได้พึ่งพาจากอีกฝ่ายในการผลิตเพื่อเศรษฐกิจหยุดชะงัก ติดตามกันต่อไปดู

● หลังจากอาจารย์ ทักษ์ เฉลิมเตียรณ เขียนภาพการเมืองไทยชิ้นสำคัญซึ่งถูกใช้อ้างอิงมาตลอดให้เข้าใจในวงกว้าง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การเมืองระบอบพ่อขุนอุปถัมภ์แบบเผด็จการ ในทศวรรษ 2500 ที่เผด็จการทหารได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ตั้งแต่ความสัมพันธ์ทางสังคม การให้คุณค่า จนโลกทัศน์ของสังคม สถานภาพในทศวรรษดังกล่าว ก็ไม่ได้เป็นที่สนใจต่อมามากนักราวกับเข้าใจเรื่องดังกล่าวกันดีขึ้นแล้ว แต่ที่จริง การแจกแจงภาพให้ละเอียดถี่ถ้วนขึ้นมีความจำเป็นต่อการรื้อถอนอคติหลายประการที่ฉุดรั้งความก้าวหน้าของความมั่นคงในระบอบประชาธิปไตย และการก้าวทันโลก

วิทยานิพนธ์ปี 2552 ของ ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์ ซึ่งปรับปรุงมาเป็น กำเนิดประเทศไทยภายใต้เผด็จการ เล่มนี้ เพื่อขยายภาพ “การผลิตความหมาย “พื้นที่ประเทศไทย” ในยุคพัฒนา (พ.ศ.2500-2509)” ให้เห็นปัจจุบันชัดเจนขึ้น

เพื่อจะได้เห็นและเข้าใจ “พื้นที่ประเทศไทย” ที่เกิดใต้อำนาจรัฐเผด็จการยามที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ จากการสร้าง 3 องค์ประกอบสำคัญคือ “พื้นที่ทางกายภาพ” กับ “พื้นที่ทางสังคม” และ “พื้นที่ทางความคิด” ร่วมกันขึ้นมาอย่างไร

หากเข้าใจภาพที่กระจ่างขึ้นเหล่านี้ การมองปัจจุบันเพื่อเห็นอนาคต ทั้งรู้และเข้าใจว่า วิถีความคิดและแนวปฏิบัติของเราอันเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม จะดำเนินไปหนทางไหน เพราะ “การเห็น” นั้น จะทำลายกรอบความคิดซึ่งเกิดจากอำนาจเผด็จการที่ลงรากมายาวนานจนหมักหมมเป็นมายาคติที่ล้าหลังสาหัส

อ่านการทำพื้นที่ประเทศไทยให้ปรากฏด้วยพื้นที่กายภาพ, เข้าใจการสร้างระบบขนส่งเพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ประเทศไทยเข้าด้วยกัน, สร้างเอกภาพของพื้นที่ประเทศไทยด้วยพื้นที่ที่ใช้ควบคุม, ประดิษฐกรรมพื้นที่ทางสังคมสู่ความสัมพันธ์ของสังคมใหม่, เครือข่ายกระทรวงมหาดไทยกับการสถาปนาความสัมพันธ์ของพื้นที่, จังหวัดภิวัฒน์ พื้นที่รวบอำนาจสู่ภูมิภาค (ถึงตอนนี้น่าจะเห็นแล้วว่า มหาดไทยเป็นตัวขวางความเจริญก้าวหน้าของระบอบมานานขนาดไหน และทำไมจึงเกิดการเรียกร้องให้เลือกตั้งผู้ว่าฯอยู่เป็นระยะตลอดมา),

เข้าใจพลังของการท่องเที่ยวกับการสร้างพื้นที่ประเทศไทย, การผลิตความหมายพื้นที่ประเทศไทยเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ทางความคิด, คติเวลาที่ก้าวหน้าในยุคพัฒนากับความหมายใหม่ในการนิยามพื้นที่, คติเวลาแบบอนุรักษ์ในการรื้อฟื้นพื้นที่ความทรงจำร่วม (เข้าใจตรงนี้ก็เข้าใจภาพเกือบทั้งหมด), สุดท้ายคือ การสร้างพื้นที่ “แห่งชาติ” ตัวตนบนพื้นที่ “นานาชาติ” (กลับไปมองเอกลักษณ์ไทยที่โดดเด่นบนเวทีโลก เพื่อเข้าใจการต่อเนื่องของ “ความเป็นไทย” ที่เรียกร้องกันในปัจจุบันจากพื้นฐานมายาคติเดิม)

เข้าใจแล้วจะไม่เห็นภาพเผด็จการประชาธิปไตยอีกต่อไป

ขอพักกินกล้วยสักคำเรียกพลัง แบบนักเทนนิสตอนหยุดพักระหว่างเกม-หุหุ อาหย่อย…

● อ่านเล่มดังกล่าวแล้ว หากให้สมบูรณ์พร้อม ก็ต้องตามด้วยงานของอาจารย์นักคิดนักเขียนที่มีฐานความรู้และภูมิปัญญาเรื่องสังคมไทยซึ่งศึกษาค้นคว้าสั่งสมมานานนับสิบๆ ปี นิธิ เอียวศรีวงศ์ เล่มที่พิมพ์แล้วพิมพ์อีกจนกลายเป็นหนังสือคลาสสิกไป ชาติไทย เมืองไทย แบบเรียน และอนุสาวรีย์ ว่าด้วยวัฒนธรรม รัฐ และรูปการณ์จิตสำนึก ที่จะสำทับงานวิทยานิพนธ์เล่มแรกให้เด่นชัดรอบด้านขึ้นอีก ซึ่งจะยิ่งยืนยันว่า ความคิดของคนร่วมสมัยไม่ว่าครู อาจารย์ นักเรียนนักศึกษา และประชาชนคนรู้เท่าทันโลก ได้ก้าวล้ำมายาคติโบราณที่คอยฉุดรั้งให้จมปลักอยู่กับที่-ไปไกลเต็มที

อ่านวัฒนธรรมคือระบบสัมพันธ์, คติที่เกี่ยวกับรัฐของประชาชนไทย จากวรรณกรรมปักษ์ใต้, ชาติไทยและเมืองไทย ในแบบเรียนประถมศึกษา, สงครามอนุสาวรีย์กับรัฐไทย, ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไทย, รัฐธรรมนูญฉบับวัฒนธรรมไทย (ยิ่งอ่านยิ่งเข้าใจปัจจุบัน), ชาตินิยมในขบวนการประชาธิปไตย

หลายคนบอกว่าอ่านแล้วอ่านอีกเป็นระยะ เพื่อไม่ให้หลงลืมพันธะความคิดที่ต้องยึดมั่นถือมั่น-ในฐานะอุดมการณ์ที่ยังไม่ลงหลักปักฐาน-ซึ่งถูกอวิชชาบดบังจนยังไม่เริ่มอยู่ในวงวัฏของอนิจจังเสียด้วยซ้ำ (ระบอบประชาธิปไตย)

● หนังสือน่าอ่านอีกเล่ม เพื่อการรับรู้ทางปัญญาว่า ภูมิคิดของบรรพบุรุษในทางสร้างสรรค์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำรงตนอยู่ในสังคมโลกด้วยความสง่างาม เป็นตัวของตัวเอง และมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับอารยะอื่นๆ นั้น เป็นเอกมาเช่นไร ด้วยการต่างประเทศนำการเมือง มิใช่การทหารนำการต่างประเทศอย่างปัจจุบัน

การต่างประเทศของไทยนั้นเลื่องลือมานาน จนแม้หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จะมีเสียงค่อนจากฝรั่งตะวันตกถึง “ไซมีส ทอล์ก” อย่างขัดเคืองเมื่อกินสยามไม่ได้ดังใจ แต่นั่น ย่อมแสดงว่า การร่วมมือร่วมใจของไทยเพื่อเอกราชของบ้านเมืองในการใช้การทูตการต่างประเทศเป็นเครื่องมือนั้น มีความสามารถอยู่

การทูตของไทยสมัยกรุงศรีอยุธยา (ฉบับปรับปรุง) โดย สมจัย อนุมานราชธน จะยืนยันคำดังกล่าวให้เห็น เพื่อจะได้ทบทวนการเดินตามหลังฝรั่งตะวันตกในปัจจุบัน ว่าเขลาไปมากมายเพียงใด ตั้งแต่รัชสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐา พ.ศ.2034-2072) สยามมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศตะวันตกและเอเชียที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีอย่างมาก โดยเฉพาะตะวันตกที่เคลือบแฝงการล่าอาณานิคมโดยการเผยแผ่คริสต์ศาสนา จากการค้าของบรรดานักแสวงโชคที่มาตั้งสถานีค้าขาย เช่น บริษัทอินเดียตะวันออกของโปรตุเกส สเปน ฮอลันดา เดนมาร์ก อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และอาหรับ ที่ต่อมาแปรเป็นการสัมพันธ์ทางการทูต เกิดสิทธิสภาพนอกอาณาเขตในการศาลขึ้น ทั้งการเมืองภายในจากอิทธิพลภายนอกกรณีคอนสแตนติน ฟอลคอนที่ต้องการยึดครองกรุงศรีอยุธยา ก่อนจะถูกสำเร็จโทษโดยพระเพทราชา ฯลฯ

หนังสือเล่มนี้ให้ความรู้และรายละเอียดที่สามารถอ้างอิงทางวิชาการประวัติศาสตร์ได้ ด้วยการให้ภาพความสัมพันธ์กับแต่ละประเทศดังกล่าวข้างต้นอย่างชัดเจน อ่านแล้วเห็นภาพและเข้าใจอำนาจกับอิทธิพลการเมือง ซึ่งมีมาแต่โบราณจนถึงวันนี้อย่างกระจ่างถ่องแท้ถึงการแสวงเพื่อครอบครองทรัพยากร

● หนังสือซึ่งน่าจะอ่านยากแต่ถูกทำให้เข้าใจง่ายโดยผู้เขียนได้ยกตัวอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมมาเปรียบเทียบนามธรรมของเนื้อหาให้เห็นเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ทำให้ความคิดของผู้เขียนที่สลับซับซ้อนสามารถสื่อสารถึงผู้รับได้ด้วยดี

ฌาคส์ ลาก็อง 10 มโนทัศน์ในพรมแดนชีวิต เขียนโดย ชญาน์ทัต ศุภชลาศัย เป็นหนังสือซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากการสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ระหว่างบรรณาธิการกับผู้เขียน ไปทีละประเด็น และค่อยๆ เขียนไปทีละบท เกี่ยวกับมโนทัศน์ต่างๆ ของนักจิตวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงชาวฝรั่งเศสผู้นี้

ด้วยลักษณะความคิดและทฤษฎีที่มีความซับซ้อนของผู้เขียน อาจทำความเข้าใจได้ยากในเวลาอันสั้น เนื่องจากมีความเป็นนามธรรมสูง ทั้งผู้คิดเองก็มีการพัฒนามโนทัศน์ของตนไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงชีวิต ซึ่งหากมิได้ติดตามความคิดเหล่านั้นมาแต่ต้น ก็อาจเกิดความสับสนได้ไม่น้อย

หนังสือเล่มนี้เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ทำไมบนแผงหนังสือจึงมีผู้พิมพ์หนังสือยากๆ ที่อาจขายได้ไม่ง่ายประเภทนี้ออกมา และทำไมจึงมีผู้เขียนเขียนหนังสือที่อาจอ่านได้ไม่ง่ายเช่นนี้ออกมา หากมิได้ด้วยความตั้งใจและความปรารถนาของทั้งผู้เขียนและผู้พิมพ์ที่มุ่งมั่นต้องการสื่อสารอรรถสาระประโยชน์ที่ต่างเห็นว่า ควรส่งต่อแก่สังคม หนังสือประเภทนี้ก็อาจไม่ปรากฏขึ้นบนแผง ถ้าเพียงแต่ทำธุรกิจโดยคำนึงถึงแต่ผลกำไรเพียงประการเดียว

● นิยายประวัติศาสตร์เกิดจากจินตนาการที่ผสมผสานกับความรู้และความต้องการสื่อสารตามเจตนารมณ์ของผู้เขียน หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งตีพิมพ์มายาวนานกระทั่งถึงครั้งที่ 20 นี้ อาจมีคนเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยอ่าน เป็นหนังสือที่น่าลองลิ้ม คนไททิ้งแผ่นดิน ของ สัญญา ผลประสิทธิ์

นิยายอิงประวัติศาสตร์ที่เล่าเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นในดินแดนอันสมมุติเป็นแดนเดิมของเรา เริ่มตั้งแต่การลุกขึ้นสู้กับทัพจิ้นที่เข้ามาครอบครองแคว้นไท

หนังสือซึ่งได้รับรางวัลเขียนดีจากมูลนิธิ จอห์น เอฟ.เคนเนดี้ ปี 2516 เล่มนี้ เป็นหนังสือที่ให้ภาพความโหดร้ายของสงคราม คนดีคนชั่วของแต่ละฝ่าย การโยกย้ายถิ่นฐาน และการพบดินแดนใหม่ ชีวิตของผู้คนที่ดำเนินไปท่ามกลางปัญหา ไม่ใช่จากคติเก่าที่ว่าคนไทมาจากเทือกเขาอัลไต แต่ใกล้มายิ่งกว่านั้น น่าจะลองอ่านงานซึ่งได้รับรางวัลแต่งดีนี้ดู ว่าจินตนาการนั้นนำพาความคิดและก่อให้เกิดจินตนาการต่อเนื่องใดได้บ้าง

● หนังสือที่อาจกล่าวได้ว่า ถ้าผู้ใดมีโอกาสได้อ่านแล้วจะไม่เติบโตทางปัญญาและจิตวิญญาณขึ้นอีก รักพ่อแม่ยิ่งขึ้นจากที่อาจไม่เคยคิดถึง วางแผนสำหรับลูกๆ ให้รอบคอบกว่าเดิม เพราะเกิดเป็นมนุษย์แล้ว มีสองเรื่องเท่านั้นที่ต้องประสบชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือการตายและการใช้ชีวิต

The Last Lecture เดอะ ลาสต์ เลกเชอร์ มหาวิทยาลัยไม่น้อย มักเชิญให้ศาสตราจารย์หรือผู้รู้ในเรื่องต่างๆ ได้บรรยายเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการตั้งหัวเรื่องให้พูดไว้ และสำหรับศาสตราจารย์ด้านคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน แรนดี เพาช์ รับเชิญไปบรรยายเรื่อง “การเดินทาง” เขาไม่ต้องเตรียมหรือคิดอะไรมากเลย ในเมื่อได้รับรู้ว่าเป็นโรคร้ายและกำลังจะเสียชีวิต หนังสือเล่มนี้จึงกินใจผู้อ่านอย่างมาก และอาจเปิดสายตาให้มองโลกใหม่อย่างถี่ถ้วน ระแวดระวัง ไม่ประมาท ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามยถากรรมหรือไม่คิดฝันอะไรเช่นที่เคยเป็นมา อาจหันมากำกับชีวิตให้เกิดคุณค่าไม่ว่าทางใดทางหนึ่งขึ้นได้

วนิษา เรซ แปลหนังสือซึ่งสร้างแรงบันดาลใจแก่คนนับล้านในโลกเล่มนี้ ที่ติดอันดับนิวยอร์ก ไทม์ส เบสต์เซลเลอร์นานถึง 20 สัปดาห์ มีผู้กดอ่านจากอินเตอร์เน็ตมากกว่า 1 ล้านครั้งในเดือนแรก และแปลไปแล้วกว่า 30 ภาษาทั่วโลก ให้คนไทยได้อ่านอย่างซาบซึ้งใจบ้าง

มติชนสุดสัปดาห์ นิตยสารการเมืองฉบับครอบครัว ว่าด้วยการรวมแผ่นดิน รวมไทยสร้างชาติ บุพเพอาละวาด ที่ต้องอ่านเพื่อเห็นการเมืองไทยวันนี้ชัดๆ ดูภาพโดดเด่นจากกาญจนบุรี มิติใหม่ของนายกรัฐมนตรี อ่าน 8 ปีพิสดารพันลึกของจรัญ พงษ์จีน อ่าน “ฟิช หาย” ถึง “ชิพส์ หาย” อาหาร “ซิกเนเจอร์” ของอังกฤษ “ทยอยปิด” เซ่นพิษสงคราม กับอีกหลายเรื่องหลายรสตลอดสุดสัปดาห์

● วุฒิสภาสหรัฐลงมติท่วมท้นรับรองสวีเดน ฟินแลนด์ (สองประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดมาช้านาน) เข้าร่วมนาโต จากที่เคยประกาศว่าไม่เพิ่มประเทศสมาชิกนาโตอีกในยุคต่อเนื่องสงครามเย็น ในปีก่อตั้ง 2492 เพียง 12 ประเทศ แต่ปัจจุบันมีถึง 30 ประเทศ แสดงหลายมิติการเมือง ตั้งแต่ประเด็นเผยแพร่อำนาจอิทธิพลการปิดล้อมปรปักษ์ การหาที่พึ่งด้วยหวาดกลัวภัยสงคราม แต่ที่เห็นชัดเจนที่สุดก็เนื่องมาจากการท้าทายเพื่อประกาศเป็นมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวในโลกเท่านั้นเอง

แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ประชาชนไม่เคยอยู่ดี และไม่เคยตายดี มีแต่ชนชั้นผู้นำฝ่ายบริหารเท่านั้น ที่มั่นคงและมั่งคั่งอยู่ฝ่ายเดียว

หุย… ฮาฮาฮา…

บรรณาลักษณ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image