ผู้เขียน | บรรณาลักษณ์ |
---|
๒๔๖๑ ทหารสยามผจญภัย ดูกรุงศรีอยุธยาในแผนที่ฝรั่ง
ขอป่าวร้องสำทับว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของ “เทศกาลหนังสือศรีราชา” ครั้งที่ 1 แล้ว ในวาระต่อยอดจาก “อ่านออก เขียนได้” มาถึงการ “อ่านออก เถียงได้” ของสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าเซนทรัล พลาซา ศรีราชา ชลบุรี เพื่อพี่น้องคนรักหนังสือชาวตะวันออกกับบรรดานักท่องเที่ยวทั้งที่ชอบพกหรือไม่ได้พกหนังสือไปเที่ยวด้วย จะได้โอกาสแวะชมสรรพรสแผง ระหว่าง 10.30-21.00 น.
เพราะจะละลานตากับห้องหนังสือที่ยกขบวนไป ร่วมกับสำนักพิมพ์ภูมิภาคและท้องถิ่น ให้เปี่ยมสาระบันเทิงทุกหมวดหมู่หนังสือ ที่มีป้ายจราจรชี้ชัดมิให้พลัดหลงเป้า ทั้งนิทรรศการเก่งวิทยาการคำนวณ เพื่อเด็กๆ ได้สนุกสนานกับความรู้ด้วยเกมและกิจกรรม จากวิชาที่ว่ายากให้ดูแล้วง่ายและเพลิดเพลิน
ยังมีการประกวด “ชุดตัวละคร” (คอสเพลย์) จากหนังสือเรื่องต่างๆ ในโลกจินตนาการให้แสดงบทบาทเพื่อรับรางวัล แล้วตื่นเต้นกับ “โซน เพลย์กราวด์” ดูวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ในประเทศไทย แล้วสนุกผ่านกิจกรรมกับมหัศจรรย์การอ่าน นิทานพัฒนาสมองนานา
เพลิดเพลินกับการแสดงสด “โฟล์กซอง” ของนักดนตรีและเยาวชนเมืองชล ให้รื่นรมย์ในงาน – จึงชักชวนมาเผื่อผู้ที่อยู่แถวนั้นจะได้ไม่พลาดโอกาสดี
• นอกจากนิยายอิงฉากประวัติศาสตร์ของ รอมแพง ทั้งสองเรื่อง บุพเพสันนิวาส กับ พรหมลิขิต ที่ทำให้คนหันมาหาประวัติศาสตร์อยุธยากันไม่น้อย มีคลิปในยูทูบเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ชมกันไม่ขาด วันนี้จึงได้โอกาสเสนอนิยายอิงประวัติศาสตร์ยุคใกล้ที่หาอ่านไม่ได้ง่าย ให้สนุกเด็ดขาดกันอีกเรื่อง
๒๔๖๑ ทหารสยามผจญภัยในฝรั่งเศส แต่งเติมจินตนาการโดย กอสวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ ให้เห็นเบื้องหลังการปะทะกันระหว่างจักรวรรดิมหาอำนาจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและประวัติศาสตร์ ทั้งประกอบด้วยเรื่องส่วนตัวของทหารในยามที่ไปทำภารกิจเสี่ยงชีวิตห่างบ้านหลายพันไมล์
ที่ถูกส่งไปพบหายนะครั้งใหญ่ของโลก พบปัญหาภาษา การเหยียดเชื้อชาติ ที่ต้องอดทนอดกลั้นแสนเข็ญ จากตัวละครชื่อ “ชัย” ซึ่งบาดเจ็บในเยอรมนี แต่กลับบางกอกด้วยความร่าเริงและดูฉลาดยิ่งขึ้น โดยทิ้งความสัมพันธ์ฉันมิตรและความรักไว้เบื้องหลัง
ฝรั่งเศส พ.ศ.2461 ที่ย่างสู่ก้าวสุดท้ายอันสำคัญ เมื่อกองทหารบกรถยนต์ของไทยมาถึงสนามรบช้า ร.อ.สุเมธ เจ้าระเบียบกับชัย ผู้ช่วยที่ขยันขันแข็ง นำทัพเข้าสู่ความปั่นป่วนของแนวหน้ามุสซากุน ด้วยหน้าที่ขนส่งกระสุนปืนใหญ่กับไวน์กรองด์ ครู (ไวน์ระดับดีเยี่ยม) แก่ผู้บัญชาการระดับสูง กับยาให้หน่วยทหารที่ถูกล้อมโจมตี ก่อนจะถูกหน่วยรถถังสหรัฐขโมยรถไป
สเตฟาน เฮลล์ ผู้เขียนหนังสือเล่มโต สยามกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง กล่าวถึงนิยายเรื่องนี้ไว้ว่า “สิ่งที่นักประวัติศาสตร์มักจะบรรยายจากข้อเท็จจริง แต่กอสวัสดิ์กลับสร้างสีสันให้หน้าประวัติศาสตร์นี้ ผ่านประสบการณ์ของชัย สุเมธ และสหายร่วมภารกิจ ที่เดินทางสู่ยุโรปซึ่งถูกสงครามแยกให้เป็นสองข้าง เพื่อนำมาซึ่งพระเกียรติยศและพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัว นับเป็นการนำเสนอประวัติศาสตร์ในมุมมองที่ใกล้ชิด และถูกเขียนออกมาอย่างน่าดึงดูด และอบอุ่นใจ”
ย่อมเป็นนิยายที่น่าอ่าน เพราะไม่ง่ายที่จะมีผู้ตั้งใจค้นคว้า และคิดเขียนออกมาให้ติดตาม เพื่อเห็นข้อเท็จจริงกับจินตนาการอีกด้านที่ไม่เคยเห็น
• ส่วน “สยามกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง” ของเฮลล์นั้น ผู้เขียนได้ข้อมูลจากจดหมายเหตุในประเทศไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี ออสเตรีย กับหนังสือพิมพ์ บันทึกความทรงจำ วรรณกรรมเชิงวิชาการเกี่ยวกับสยามช่วงดังกล่าวจำนวนหนึ่ง และวรรณกรรมสงครามโลกครั้งที่ 1 อีกจำนวนมาก
พระราชดำรัสในพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ.2461 “วันนี้เป็นวันที่ภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของข้าพเจ้า เมื่อรู้ว่า กองกำลังของสยามกำลังเข้าสู่ดินแดนของข้าศึก” สยามที่ร่วมรบกับเยอรมนีกลายเป็นประเทศเดียวในอุษาคเนย์ที่ประกาศสงครามกับมหาอำนาจตะวันตก ก้าวสู่แถวหน้าของการเมืองระดับโลก
ผู้เขียนเล่าเรื่องน่ารู้ของคนไทยที่รอดชีวิตไม่กี่คนจากเรืออับปางด้วยตอร์ปิโดเยอรมัน จากเชลยศึกคนไทยที่ถูกกักกันในปราสาทโบราณเยอรมัน และการกักกันคนเยอรมันกับออสเตรียในกรุงเทพฯ ที่ล้วนแสดงด้วยภาพถ่ายเก่าแก่กับเอกสารประวัติศาสตร์ซึ่งไม่เคยแสดงมาก่อนดังกล่าว
อ่านเบื้องหลังและความเป็นกลาง, สยาม พ.ศ.2457, เมื่อสยามเป็นกลาง พ.ศ.2457-2460, สยามในสงคราม พ.ศ.2460-2462, สยามประกาศสงคราม, สงครามในสยาม, ควันหลงและมรดก, การประชุมสันติภาพที่ปารีสและสนธิสัญญาแวร์ซาย, ควันหลง, การรำลึกและสัญลักษณ์นิยมของสงครามโลกครั้งที่ 1 ในสยาม/ไทย
ทั้งอ่านสนุก ทั้งอุดมด้วยความรู้ เติมแต่งร่องรอยเรื่องราวที่เคยขาดหาย
• หนังสือคลาสสิกซึ่งมีอายุมายาวนาน ที่ขอนำเสนออีกครั้งสำหรับคอนิยายและคอละครไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่าที่อยากรื้อฟื้นภูมิปัญญาบรรพบุรุษ และความสามารถเอกอุด้านการต่างประเทศที่เคยเลื่องลือมานานช้า
นั่นคือ หนังสือเล่มโตปกแข็ง จดหมายเหตุโกศาปานไปฝรั่งเศส บันทึกโดย เดอ วีเช และแปลจากฝรั่งเศสเป็นไทยโดย เจษฎาจารย์ผู้สร้างคุณูปการยิ่งยวดต่อการศึกษาและนักเรียนไทย ฟ. ฮีแลร์ ให้อ่านเพลิดเพลิน
หนังสือเล่มโต บรรยายทักษะ ความสุภาพอ่อนน้อม มธุรสวาจา และการแสดงออกของคณะทูต และโกษาปาน ที่ชาวฝรั่งเศสล้วนชื่นชม อ่านเมื่อไหร่ก็อิ่มเอมเปรมใจ (ก่อนที่ไทยจะมาถึงยุคการทหารนำการต่างประเทศที่เอ้อเร้อเอ้อเต่อ)
“ท่านอัครราชทูตคือคุณปาน (ขณะนั้นเป็นที่ออกพระวิสุทธิสุนทร ภายหลังได้เป็นพระยาโกษาธิบดี) ก็เป็นน้องของเสนาบดีกระทรวงว่าการต่างประเทศ (ขณะนั้นเรียกว่า “พระคลัง”) อุปทูตเล่า คือนายฉ่ำ (ขณะนั้นเป็นที่ออกหลวงบวรกัลยาราชไมตรี) ได้เคยเป็นราชทูตสยามไปเจริญทางพระราชไมตรีกับกรุงจีนมาแต่ก่อน ได้ทำงานในตำแหน่งนั้นเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้ากรุงจีน และพระเจ้ากรุงสยามด้วยกันทั้งสองฝ่าย
“ส่วนตรีทูต (คือออกขุนศรีวิสารวาจา) ก็เป็นบุตรของราชทูตสยาม ซึ่งได้ออกไปเจริญทาง
พระราชไมตรีในกรุงลิสบอน อันเป็นเมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส”
ย่อมเห็นได้ว่า เป็นคณะทำงานหรือคณะทูตที่สมรรถนะเข้มแข็งปานใด
• โปรตุเกสเป็นมหาอำนาจทางทะเลในอดีต และเป็นชาวตะวันตกชาติแรกที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรีกับอยุธยา ทั้งยังปรากฏบทบาทอย่างมากในกรุง มีหลักฐานเอกสารโปรตุเกสหลายฉบับที่กล่าวถึงอยุธยาอย่างน่าสนใจ บางฉบับยังเป็นเอกสารทรงคุณค่า แม้บางฉบับจะเคยมีผู้พูดถึงไปบ้างแล้ว แต่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้นำมาวิเคราะห์ใหม่ เพิ่มแนวทางการศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาขึ้นอีก
กระดานทองสองแผ่นดิน โดย ปรีดี พิศภูมิวิถี อ่านโปรตุเกสในบูรพทิศ การเดินทางสู่สยามและมาเก๊า, โปรตุเกสกับสยามในคริสต์ศตวรรษที่ 16, อยุธยาคดีจากเอกสารโปรตุเกส, เอกสารโปรตุเกสฉบับแรกที่เกี่ยวกับสยาม,
โตเม่ ปิรีชและดูอาร์ตือ บาร์โบซากับเอกสารว่าด้วยสยาม, ความสำคัญของพระราชสาส์นสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมไปถึงอุปราชโปรตุเกส, ค่ายและคน ชุมชนโปรตุเกสในอยุธยา, ชุมชนโปรตุเกสในกุฎีจีน, พระราชสาส์นรัชกาลที่ 1 ถึงพระราชินีโปรตุเกส
เห็นภาพ เห็นอยุธยาเข้าใจกระจ่างขึ้นกว่านิยายกับละครโทรทัศน์
• โดยอาจารย์ผู้เขียนคนเดียวกันกับเล่มที่แล้ว สยามศึกษาในสายตาชาวฝรั่งเศส บทความแปลจากฝรั่งเศส 8 เรื่อง ซึ่งตีพิมพ์ในที่ต่างกัน บางชิ้นเป็นงานใหม่เผยแพร่ครั้งแรก แต่ละบทความมีทั้งที่เป็นเอกสารชั้นต้น และที่เขียนในสมัยหลัง มีเชิงอรรถประกอบ และข้อมูลที่สังเคราะห์พร้อม
ทั้งหมดเรียงลำดับตามเวลา จากเอกสารเก่าแก่ถึงงานล่าสุด แสดงให้เห็นความละเอียดรอบคอบ กับการคิดวิเคราะห์ของชาวฝรั่งเศสที่ลึกซึ้ง ซึ่งบอกให้รู้ว่า ได้มีการศึกษาเรื่องเมืองไทยมาเป็นอย่างดี
อ่านบันทึกคณะราชทูตสยามไปกรุงเฮก พ.ศ.2151, สยามในหนังสืออักขรานุกรมเมืองต่างๆ ในเอเชีย พ.ศ.2203, ราชอาณาจักรฌอง บัพติส ตาแวร์นิเยร์, ชะตาชีวิตท้าวทองกีบม้าในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ,
รูปหล่อสำริดเจ้านายสตรีสมัยอยุธยา, ข้อสังเกตว่าด้วยการชำระกฎหมายสยามในปี พ.ศ.2348, พระปรมาภิไธยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในเอกสารมิชชันนารีฝรั่งเศส, พระราชประวัติพระจอมเกล้าฯ
ขณะทรงผนวช, การแปลเอกสารประวัติศาสตร์ไทยจากฝรั่งเศสเป็นไทย – วิธีการและข้อสังเกตเบื้องต้น
เที่ยวนี้เป็นฝรั่งเศสมองไทยแบบเต็มๆ ต้องอ่านให้รู้
• ไหนๆ ก็ไหนๆ ว่ากันเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 1 กันแล้วก็ต้องให้ครบเครื่องด้วยงานของ เทอรี่ เดียรี่ นักเขียนหนังสือเด็กชาวอังกฤษ ที่เป็นหนึ่งในนักเขียนขายดี มีหนังสือมาแล้วกว่า 200 เล่ม และขายได้มากกว่า 25 ล้านเล่มใน 40 ภาษา – โอ้โฮ รู้จักกันดีในฐานะนักเขียนชุด “ประวัติศาสตร์โหด มัน ฮา” หนังสือประกอบภาพ หรือหนังสือภาพประกอบเนื้อหา
ในปี พ.ศ.2555 เป็นนักเขียนซึ่งมีผู้ยืมหนังสือมากเป็นอันดับ 10 ในห้องสมุดอังกฤษ และถูกโหวตให้เป็นนักเขียนสารคดีเด็กดีเด่นแห่งศตวรรษที่ 20 โดยนิตยสาร “บุ๊คส์ ฟอร์ คีพส์” (Books for Keeps)
ประวัติศาสตร์โหด มัน ฮา : สงครามโลกครั้งที่ 1 น่าสะพรึง แปลโดย พลอย โจนส์ ไปรู้จักสุนัขสงคราม ฮีโร่เพื่อนยากของเหล่าทหารกับภารกิจสุดเสี่ยงในสนามรบ และท้าพิสูจน์ทหารในสงครามที่มีหมัดเกาะร่างกายยุบยับ บางคนมีมากถึงหมื่นตัว!!!
เปลี่ยนประวัติศาสตร์ให้เรียนสนุก ด้วยเบื้องลึกเบื้องหลังสงครามที่กินเวลานานถึง 4 ปี ช่วงเวลาทรมานกายทรมานใจคนทั่วโลก ทั้งเรื่องชวนขนหัวลุกกับความรู้ชวนสยองนอกตำรา สำหรับนักอ่านที่ชอบความรู้แบบโหดๆ มันๆ ฮาๆ
1914 ปีแห่งกระสุนนัดแรก, 1915 ปีแห่งสงครามล้วนๆ, 1916 ปีแห่งการรบที่ซอมม์, 1917 ปีแห่งดินโคลน, 1918 ปีแห่งความเหนื่อยล้า
ส่งท้ายด้วยคำถามสุดสยอง – บรื๊อออ…
• มีครั้งที่ 1 แล้วก็ต้องมีอีกครั้งให้ครบเรื่อง ประวัติศาสตร์โหด มัน ฮา : สงครามโลกครั้งที่ 2 สยองขวัญ โดยผู้เขียนกับผู้แปลคู่เดียวกัน ล้วงลึกข้อมูลลับอย่างเคย เพื่อเผยโฉมหน้าและเบื้องหลังบุคคลสำคัญในสงครามให้รู้จักกันอย่างแท้จริง กับเหตุการณ์เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริง และเรื่องซึ่งไม่เคยมีผู้เล่าขาน
เริ่มด้วยลำดับเหตุการณ์หฤโหด, ภัยในแนวหลัง, การรบที่น่าสะพรึงกลัว, เรื่องเศร้าของเหล่าสัตว์, โกหกแถมพกลม, มหันตภัยวัยเยาว์, สังหารหมู่ชาวยิว, บทตาม และส่งท้ายด้วยคำถามสุดสยองเช่นเคย – บรื๊อออ…
• มติชนออนไลน์ รายงานวันที่ 2 มีนาคมต้นปีที่ผ่านมาว่า นาย ริวโฮ โอกะวะ ผู้นำลัทธิ “แฮปปี้ ไซเอนซ์” ชาวญี่ปุ่น ซึ่งเชื่อเกี่ยวกับ “หลักการของความสุข” ซึ่งอ้างว่าตนสามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณทุกดวงได้ ตั้งแต่พระเยซูถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสียชีวิตลงในวันเดียวกันนั้นด้วยวัย 66 ปี
นายโอกะวะอ้างว่า สื่อสารกับจิตวิญญาณประธานาธิบดีปูติน ในการตัดสินใจบุกยูเครน สื่อสารกับพระเยซูเรื่องโรคระบาดใหญ่ สื่อสารกับเฟรดดี้ เมอคิวรี่นักร้องตำนานวง “ควีน” หลังหนังเรื่อง โบฮีเมียน ราพโซดี ออกฉาย
ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ ศรัทธาหรือเปล่า นายโอกะวะซึ่งเฟซบุ๊กมีผู้ติดตามไม่น้อย มีหนังสือแปลไทยแล้วหลายเล่มไม่ว่า กฎแห่งนรก หรือ กฎแห่งเมสสิยาห์ หรือ กฎแห่งเหล็กกล้า และ กฎแห่งความลับ ฯลฯ ซึ่งอาจบอกได้ว่า มีผู้สนใจติดตามอยู่ในเมืองไทยจำนวนหนึ่ง
ลองอ่าน พระพุทธะผู้เป็นนิรันดร์ ดู จาก 5 บทว่าด้วยการตื่นรู้, จงเป็นบุคคลผู้ดำเนินชีวิตตามวิถีทางแห่งสัจธรรม, พลังซึ่งเป็นอมตะ, ได้เวลาที่จะก้าวหน้าทางจิตวิญญาณแบบก้าวกระโดด, พระพุทธะซึ่งเป็นนิรันดร์
นายโอกะวะที่บอกว่าตนสามารถสื่อสารทางจิตวิญญาณตั้งแต่วัย 24 กล่าวว่า “คำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปิดเผยสัจธรรมอันลุ่มลึกด้วยถ้อยคำเรียบง่าย จึงเป็นคำสอนที่อยู่เหนือคำสอนใดๆ กฎเรื่องจิตเป็นคำอธิบายที่ละเอียดลออเสมือนหนึ่งเข้าไปนั่งในจิตใจผู้อ่านทุกคน จึงเป็นคำสอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาคำสอนทั้งมวล
“ยิ่งไปกว่านั้น สัจธรรมได้บอกเล่าอย่างมั่นใจ สงบสันติ ไม่คลอนแคลน จึงเป็นคำสอนอันทรงอานุภาพสูงสุด กฎแห่งพระพุทธะผู้เป็นนิรันดร์ ไหลไปเร็วเหมือนกระแสน้ำแม่น้ำคงคา ผสมผสานเข้ากับความเร้นลับอันเป็นนิรันดร์ที่มีตรรกะชัดเจน”
ถ้าสนใจก็ลองหาอ่านดู
• นิตยสารการเมืองฉบับครอบครัว มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับว่าด้วย จาก กอ.รมน.สู่ กก.มมน. ก้าวไกลไม่มั่นคง อ่านช่อ พรรณิการ์เปิดเกณฑ์ แค่ไหนคือ “คุกคามทางเพศ” ในมาตรฐานก้าวไกล
แล้วมองบทบาท พล.อ.ทรงวิทย์ ผ่านเลนส์เศรษฐา ลิงก์รัฐบาลกับกองทัพ
ถอดบทเรียนญี่ปุ่นไต้หวัน จากคนละครึ่งสู่เงินดิจิทัล 10,000 บาท
อ่านพายุแห่งอารมณ์ “ต้องเต” สัปเหร่อ วิวาทะ “ซอฟต์เพาเวอร์” อิหยังวะ ดราม่าการเมืองแบบไทยๆ แล้วกระโดดไปย้อนคดีลอบสังหารนายกฯ จากจอมพล ป. ถึงทักษิณ ล่าสุดหนุ่มขู่ฆ่าเศรษฐา อ้างปมผิดหวังการเมือง
ตั้งใจตรวจสอบตัวเองกับคมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ที่สืบสาวทรรศนะต้อนรับเทศกาลทีปาวลี เรียนรู้พระแม่ลักษมีในวิถีพุทธ
ส่วนศึกอิสราเอลกับฮามาสนั้น ยิ่งนับวันยิ่งอำมหิต
กับการเขย่าสนามกีฬาในฤดูกาลแรกของแฮรี่ เคน กับสถิติที่อาจโดนทำลาย หลังจากเพิ่งทำแฮตทริกฟุตบอลลีกเยอรมันมา
ขอให้เพลิดเพลินในการอ่านตลอดสัปดาห์ ระวังฟ้าฝนให้รอบคอบ
บรรณาลักษณ์