คล้องมาลัย ‘เวียงรัฐ’ เสวนาเล่มไฮไลต์ ‘อุปถัมภ์ค้ำใคร’ ประจักษ์ ขายเก่ง! แนะอ่านคู่ WHEN WE VOTE

คล้องมาลัย ‘เวียงรัฐ’ เสวนาเล่มไฮไลต์ ‘อุปถัมภ์ค้ำใคร’ ประจักษ์ ขายเก่ง! แนะอ่านคู่ WHEN WE VOTE

เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่มิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ในงาน SUMMER BOOK FEST 2022 เทศกาลหนังสือฤดูร้อน ครั้งที่ 2 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบูธสำนักพิมพ์มติชน E3 ว่าคึกคักกว่าปกติเนื่องจากตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ เนื่องในวันฉัตรมงคล มีผู้เดินทางเข้าเลือกซื้อหนังสืออย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในช่วงบ่าย มีการจัดเสวนา ‘อุปถัมภ์ค้ำใคร : การเลือกตั้งไทยกับประชาธิปไตยก้าวถอยหลัง’ โดย รศ.เวียงรัฐ เนติโพธิ์ ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ ที่เวทีกลางเมื่อเวลา 15.00 น.

รศ.เวียงรัฐ เนติโพธิ์ ผู้เขียนหนังสือ ‘อุปถัมภ์ค้ำใคร’ กล่าวว่า บรรณาธิการเล่มได้ตั้งคำถามว่ามีอะไรใหม่ในเล่มนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วหนังสือเล่มนี้คือการใช้กรอบวิเคราะห์ความสัมพันธ์อุปถัมภ์มาอธิบายโดยที่ คสช.มาช่วยยืนยันให้ชัดเจนขึ้น งานชิ้นนี้ชี้ให้เห็นถึงบทบาทของผู้มีอิทธิพลที่มีอำนาจคู่ระบบราชการไทยซึ่งเป็นสิ่งที่น่าจับตามอง โดยมีการใช้เส้นสายตัดสินใจเรื่องต่างๆ ผ่านข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ซึ่ง คสช.พาเราย้อนหลังกลับไป ยุค คสช. นักการเมืองกลับมาใช้การข่มขู่ คดี และการมีชนักติดหลัง ทำให้คนกลัว มีการเจรจาให้ย้ายข้าง นี่คือความสัมพันธ์อุปถัมภ์ที่เป็นข้อแลกเปลี่ยน

รศ.เวียงรัฐกล่าวว่า หลังการรัฐประหาร พ.ศ.2557 ตนได้ลงพื้นที่หลายพื้นที่ ได้พบเห็นความโดดเด่นของนักการเมืองที่สู้ไม่ถอย นักการเมืองก็ถูกหลอกเหมือนกันว่าจะมีการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญใหม่ออกแน่ นักการเมืองก็แต่งตัวตื่นเช้าไปทำงาน ใส่ซองช่วยงานศพ งานบวช งานแต่ง เพื่อให้ชาวบ้านจำหน้าได้ และมาให้เขาช่วยเหลือ มาพึ่งพิงกัน ซึ่งคนเหล่านี้อาจเป็นนักการเมืองที่หาผลประโยชน์ด้วย แต่ในที่สุดแล้วเขาเป็นนักการเมืองอยู่ได้เพราะประชาชน ถ้าประชาชนเห็นว่าไม่ดี ไม่เลือก ก็ไม่มีความหมาย เพราะฉะนั้นอำนาจทางการเมืองไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม มันถูกดึงเอาประชาชนเข้าไปก็เพราะนักการเมือง ทั้งการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับชาติก็ยังคงปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง

Advertisement

อย่างไรก็ตาม เมื่อผ่านไป 3-4 ปี นักธุรกิจท้องถิ่นเริ่มพูดว่า ‘เดี๋ยวนี้ระบบราชการเป็นใหญ่’ คุยกับนักการเมืองรู้เรื่อง แต่ปัจจุบันระบบราชการคือตัวตัดสินใจ

วาทกรรมที่พูดว่านักการเมืองเลว ซึ่งเราไม่ปฏิเสธว่านักการเมืองที่ไม่ดีก็มี แต่วาทกรรมนี้บั่นทอนความเข้าใจว่าประชาธิปไตยคือนักการเมืองเลว ในขณะที่เมื่อไปดูในท้องถิ่นจริงๆ ประชาธิปไตยคือการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนที่เดือดร้อนกับผู้แทนของเขา ซึ่งหากประชาธิปไตยมันเดินหน้าต่อไปได้ ความสัมพันธ์แบบนี้มันก็มีคุณภาพมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นความสัมพันธ์ที่ยืนอยู่บนนโยบาย การเอาใจคนจำนวนมาก มากกว่าเอาใจคนกลุ่มเล็กๆ ที่เป็นหัวคะแนน ในที่สุดถ้าเขาไม่ทำตามคนจำนวนมาก การเลือกตั้งครั้งต่อไป ชาวบ้านก็อาจเปลี่ยนใจไปเลือกขั้วตรงข้ามได้ เพราะฉะนั้นที่บอกว่านักการเมืองสกปรกมันกลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น มันเป็นวาทกรรมที่ใช้หลอกกัน ทำให้ประชาธิปไตยอ่อนแอ” รศ.เวียงรัฐกล่าว

เมื่อ รศ.ดร.ประจักษ์ถามถึงประเด็นการฟื้นฟูประชาธิปไตยให้เข้มแข็งเมื่อพิจารณาจากทั่วโลก รศ.เวียงรัฐกล่าวว่าโดยบทเรียนทั่วโลกมันไม่ใช่แบบค่อยเป็นค่อยไป มันมี Revolution (การปฏิวัติ) แทบทั้งสิ้น แต่ประเทศไทยมีคุณลักษณะบางอย่างที่ค่อนข้างประนีประนอม มีเงื่อนไขทางสถาบันการเมืองหลายอย่างที่ทำให้เกิดการประนีประนอมซึ่งอาจทำให้เปลี่ยนช้า แต่คนรุ่นใหม่ย้อนกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ในที่สุดอาจต้องรอสัก 1 ทศวรรษ อย่างไรก็ตาม เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในขณะเดียวกัน สถาบันทางการเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญ

“มันไม่ใช่เรื่องของการเมืองที่จะสู้นอกสถาบันทางการเมืองอย่างเดียว จุดคัดง้าง อย่างไรก็คือการเลือกตั้ง จุดเปลี่ยน อย่างไรก็ยังเป็นการเลือกตั้ง แล้วพรรคการเมืองจะเสนอทางออกให้กับคนแต่ละกลุ่ม แต่และความคิดเอง อุดมการณ์ต่างๆ ก็ไปสู้กันในการเลือกตั้ง อย่าท้อถอยกับคุณค่าประชาธิปไตย เราเพิ่งเริ่มเอง คนรุ่นเราก็เคยลิ้มรสว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นประชาธิปไตย ยังต้องสู้กันต่อไป” รศ.เวียงรัฐกล่าว

รศ.เวียงรัฐกล่าวว่า การเมืองนอกสภาต้องคู่กันไปกับการเมืองในสภา สถาบันทางการเมืองไม่รองรับความต้องการของประชาชน จึงต้องมีการแสดงออกนอกสภา ก็ต้องสู้ทั้ง 2 ด้านพร้อมๆ กันและอาจต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างพรรคการเมืองกับการเมืองนอกสภาด้วย หมายความว่าพรรคการเมืองต้องเอาความต้องการนอกสภาเข้าไปเป็นวาระทางการเมืองด้วย เช่น ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปในหลายๆ อย่าง รวมถึงวาระเกี่ยวกับปัญหาปากท้อง ต้องควบคู่กัน ไม่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง การเมืองนอกสภาต้องส่งผลต่อวาระในสภาด้วย ถึงจะเป็นความหวังที่ดี

รศ.ดร.ประจักษ์กล่าวว่า เนื้อหาหลักของหนังสือ ต้องไปอ่าน และต้องอ่านเป็นแพกเกจคู่กับเล่ม When we vote ของตน ซึ่งอธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างดีเช่นกัน สามารถหาซื้อที่บูธมติชนได้ โดยเป็นการเปรียบเทียบพลวัตรการเลือกตั้งในไทยกับฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เล่มเดียวได้ 4 ประเทศ เป็นภาพกว้างที่เน้นไปที่ระบบเลือกตั้ง สถาบันการเลือกตั้งและระบบพรรคการเมือง

รศ.เวียงรัฐกล่าวว่า ดังนั้น ต้องซื้อเล่มของ รศ.ดร.ประจักษ์ก่อนแล้วค่อยซื้อเล่ม อุปถัมภ์ค้ำใครฯ ของตน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจบเสวนามีผู้อ่านนำหนังสือ ‘อุปถัมภ์ค้ำใครฯ’ เข้าพูดคุยและขอลายเซ็น รศ.เวียงรัฐที่บูธมติชนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีการถ่ายภาพร่วมกันอย่างครึกครื้น โดยมีผู้นำพวงมาลับดอกดาวเรืองมาคล้องคอ รศ.เวียงรัฐด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image