ว.วินิจฉัยกุล ลาออกจากตำแหน่ง ‘ประธานกรรมการซีไรต์’

รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงวินิตา (วินิจฉัยกุล)ดิถียนต์ หรือแก้วเก้าหรือ ว.วินิจฉัยกุล ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “vinita.diteeyont” ประกาศขอลาออกจากการเป็น ‘ประธานกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์’ โดยระบุว่า

” ดิฉันเคยได้รับเชิญเป็นทั้งกรรมการและประธานกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์มาหลายปีแล้ว ล่าสุดในพ.ศ. 2563 นี้ก็ได้รับเชิญอีก เข้าประชุมครั้งแรกก็มีเหตุให้ลาออกเสียแล้ว

การที่ลาออก ไม่ใช่เพราะมีเหตุจำเป็น ไม่ใช่เพราะป่วย หรือทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งจนต้องลาออก แต่เป็นเพราะเมื่อที่ประชุมรับรองประธานกรรมการอย่างเป็นทางการ กรรมการท่านหนึ่งคัดค้านขึ้นมาว่า ดิฉันมี “เรื่อง”กับคนบางกลุ่มในเฟซบุ๊ค อาจจะทำให้มีปัญหาตามมาในการเป็นประธานกรรมการตัดสินหนังสือซีไรต์

เพราะข้อนี้ เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในสมาคมภาษาและหนังสือ แม้ไม่ได้ทำเป็นมติของที่ประชุมสมาคม หรือมีเอกสารแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมายังคณะกรรมการซีไรต์ก็ตาม

Advertisement

ประเด็นที่กรรมการท่านนั้นหยิบยกขึ้นมา หมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้อง “รวมพลคนอักษร” ซึ่งเป็นห้องปิด รับเฉพาะสมาชิกที่เคยเรียนหรือกำลังเรียนอยู่ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เท่านั้น

กรรมการท่านนั้นยังกล่าวต่อไปอีกว่า ได้ข่าวว่ามีคดีฟ้องร้องตามมา เพราะแฟนคลับของดิฉันไปตอบโต้บุคคลเหล่านั้น แต่กรรมการท่านดังกล่าวก็ยอมรับว่า ไม่ได้อ่านโพสที่เป็นสาเหตุของเรื่อง

เรื่องนี้ ดิฉันได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า

1.ดิฉันได้เขียนกลอน 1 บท ส่งไปลงที่ห้องรวมพลคนอักษร แสดงความคิดเห็นว่าเสียใจที่เห็นภาพถ่ายบุคคลที่นำเสื้อครุยพระราชทานของจุฬาฯไปสวมใส่ในโอกาสที่ไม่เหมาะสม

สู้เหนื่อยยากร่ำเรียนเพียรศึกษา

เป็นบัณฑิตจุฬาสง่าศรี

กว่าได้ครุยพระราชทานก็นานปี

ถูกย่ำยี เหลือจะกล่าวร้าวรานใจ

เมื่อมีผู้เห็นแย้ง ดิฉันก็ไม่ได้ว่ากล่าวหรือใช้วาจาก้าวร้าวใดๆกับบุคคลเหล่านั้น จนกระทั่งแอดมินได้ลบโพสนั้นไป หลักฐานทั้งหมดดิฉันได้เก็บไว้แล้ว พร้อมจะให้อ่าน

2.ไม่มีการฟ้องร้องหรือดำเนินคดี หรือแม้แต่แจ้งความใดๆ ไม่ว่าจากฝ่ายไหน จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครมาพบ หรือมากล่าวหาดิฉันแต่อย่างใด ดิฉันยังไม่เคยเห็นตัวจริงของบุคคลใดๆที่เห็นแย้งเลยจนคนเดียว

3.ถ้ามีการเกรงข้อครหาว่า ดิฉันจะใช้ตำแหน่งประธานกรรมการรางวัลซีไรต์ ก่ออคติแก่ชาวอักษรศาสตร์เหล่านั้น ก็ขอให้ดูข้อเท็จจริงว่า ในบรรดาหนังสือที่ผ่านรอบคัดเลือกมาถึงรอบตัดสิน (ตามที่ประกาศต่อสาธารณชนแล้ว ไม่ใช่ความลับ) ไม่มีนักเขียนคนไหนเลยเคยเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ และดิฉันไม่เคยรู้จักนักเขียนเหล่านี้เป็นส่วนตัวเลยจนคนเดียว

4.สำหรับกลอนบทนี้ ดิฉันไม่เห็นเป็นเรื่องการเมือง แต่ถือเป็นการวิจารณ์เรื่องกาลเทศะ

ต่อให้เป็นเรื่องการเมืองอย่างที่กล่าวหา ก็ขอให้ดูข้อเท็จจริงว่าการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต เป็นสิทธิส่วนบุคคลในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ความผิดติดตัวผู้วิจารณ์

5.การตัดสินรางวัลซีไรต์ มีพื้นฐานอยู่บนการวิพากษ์วิจารณ์และประเมินคุณค่าผลงานที่เข้ารอบโดยคณะกรรมการ ไม่เกี่ยวกับประเด็นอื่นเช่นตัวบุคคล ไม่ว่าบุคคลที่เป็นกรรมการหรือบุคคลที่ส่งงานเข้าประกวด

6.ห้องรวมพลคนอักษร ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับการตัดสินประกวดวรรณกรรมซีไรต์ นอกจากนั้นดิฉันยังมองไม่เห็นความเกี่ยวข้องกับสมาคมภาษาและหนังสืออีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการหยิบยกขึ้นมากล่าวในที่ประชุม ให้ดิฉันเข้าใจว่าในการออกความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ในสถานที่อื่น มีความไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานกรรมการซีไรต์ ทำให้ดิฉันลำบากใจที่จะทำงานในหน้าที่นี้

เนื่องจากการตัดสินรางวัลซีไรต์ ควรเปิดกว้างและสร้างวัฒนธรรมแห่งการวิจารณ์ที่ดีในสังคม อันจะก่อให้เกิดความงอกงามทางความคิด และหลักการที่พึงปฏิบัติในเชิงวิจารณ์วรรณกรรม

เมื่อไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ดิฉันจึงแจ้งต่อที่ประชุมว่า ขอลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการซีไรต์

จึงขอชี้แจงเพื่อเป็นหลักฐานข้อเท็จจริงตามนี้ ขอขอบคุณค่ะ

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image