คนไทยต้องไปวัดพระแก้ว หรือที่ไม่เคยไปไม่ว่าจะด้วยเหตุใด ก็ต้องอยากไปวัดพระแก้ว เนื่องจากวัดในวังหรืออาจระบุได้ว่าเป็นวัดที่ 1 แห่งแผ่นดินวัดนี้ เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาแต่เริ่มตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ดำรงนามวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นที่รู้จัก นับถือ กราบไหว้ บูชาของพุทธศาสนิกชนไทยทุกรูปนาม
ไม่เพียงเท่านั้น วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังยังเป็นจุดหมายลำดับแรกของนักท่องเที่ยวที่มาบางกอก
ทั้งในความคิดและความรู้สึกของชาวพุทธไทย ที่ไม่น้อยยังแยกไม่ออกว่า ตรงไหนคือผี ตรงไหนพราหมณ์ และตรงไหนพุทธ ยังถือว่าพระแก้วเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คนที่อยากให้ใครๆเชื่อถือเพราะเขาไม่ค่อยเชื่อถือ มักเอ่ยคำสาบานให้ “พระแก้วพระกาฬ” หักคอ อย่างนักเลือกตั้งหลายนายเคยท้าทายกันให้ไปสาบานต่อหน้าพระแก้ว
ทั้งๆที่ไม่มีพระพุทธ พระธรรม หรือพระสงฆ์ กระทั่งพระพุทธรูปที่ไหนจะทำร้ายคน ก็ยังอ้างท่านมาแปดเปื้อน
ประเด็นคือ เคยคิดหรือเคยสงสัยไหม ว่าทำไมภาพจิตรกรรมระเบียงคดของวัดพระแก้วจึงเป็นเรื่องรามเกียรติ์
หนังสือ รามเกียรติ์วัดพระแก้ว ของอาจารย์ รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล ซึ่งปรับปรุงงานวิจัยเรื่อง “จิตรกรรม วัดพระศรีรัตนศาสดาราม” ของมูลนิธิประชาธิปก-รำไพพรรณี มาเป็นรูปเล่มอ่านสะดวก จากการค้นคว้าเพื่อตรวจ สอบว่า ภาพจิตรกรรมรามเกียรติ์นั้นเป็นภาพชุดสำคัญที่เขียนขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ 7 จึงสำคัญมากพอจะเป็นตัวแทนของรูปแบบจิตรกรรมร่วมสมัยได้ ซึ่งยังไม่มีผู้ใดศึกษาให้ถ่องแท้ นอกเหนือการเล่าเรื่องและกำหนดอายุอย่างคร่าวๆ
ยังไม่มีผู้ใดกล่าวถึงการปรับเปลี่ยนผังระเบียง ที่ทำให้ภาพต้องเปลี่ยนการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างภาพเล่า เรื่องนารายณ์อวตารกับภาพรามเกียรติ์ ซึ่งความหมายและนัยยะของการดำเนินเรื่องเปลี่ยนตามไปด้วย
ผู้เขียนยังเสนอคำตอบต่อประเด็นข้อสงสัยข้างต้นอีกด้วยว่า ทำไมระเบียงคดของวัดจึงเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ได้แรงบันดาลใจมาจากไหน หาคำตอบนั้นได้จากหนังสือเล่มนี้ คราวหน้าจะได้ดูภาพอย่างอิ่มเอมเป็นหลักเป็นฐานขึ้น
๐ ขณะเดียวกัน การศึกษาเรียนรู้ของอาจารย์ พัสวีสิริ เปรมกุลนันท์ ก็ให้คำตอบสำคัญอีกประการว่า ศิลป กรรมในบ้านเมือง โดยเฉพาะที่เนื่องในพระศาสนานั้นยังแฝงนัยทางการเมืองการปกครองเอาไว้ด้วย
วัด-วัง ในพระราชประสงค์พระจอมเกล้าฯ ของอาจารย์ เป็นงานวิเคราะห์ศิลปกรรมในรัชกาลที่ 4 ทุกๆด้าน ตรวจสอบกับเอกสารทางประวัติศาสตร์ เพื่ออธิบายพระราชประสงค์ที่แท้ของการสถาปนาวัตถุสถานในบวรพระพุทธ ศาสนา ในรัชกาลของพระองค์ ด้วยการวิจัยอย่างละเอียดรอบคอบ จนปรากฏผลงานเป็นที่ยอมรับ
โดยผู้อ่านจะเห็นถึงลักษณะเฉพาะของงานช่างในสมัยนั้น ตลอดจนแนวพระราชศรัทธาและปณิธานในการสร้าง งานศิลปกรรม รวมทั้งพระราชประสงค์สำคัญของการสถาปนาวัด ซึ่งยังไม่เคยมีการอธิบายทั้งรูปแบบศิลปกรรม และการวิเคราะห์หลักฐานอย่างเป็นระบบมาก่อน งานชิ้นนี้จึงช่วยให้เราได้เห็นเส้นทางการปกครองจากการพระศาสนาได้
๐ คนมีบ้านคงนึกไม่ออกว่าคนไม่มีบ้านอยู่จะเป็นอย่างไร คงกังวล ทุกข์ยาก ลำบากสาหัสกว่าจะผ่านวันหนึ่งๆ ไปได้ แต่อาจแปลกใจหากได้รู้ว่าคนเหล่านั้นก็เหมือนกับเราคนมีบ้าน หัวเราะเป็น สนุกสนานได้ มิใช่ชีวิตก่นเศร้าเฝ้า เช็ดน้ำตาไปวันๆ และยิ่งประหลาดใจหากได้รู้ถึงวิถีดำเนินชีวิตประจำวันซึ่งมีวิธีและรูปแบบของพวกเขาเอง
วันนี้จะหากินบนท้องถนนอย่างไร ไปรับบริจาคข้าวสารมาขาย ไปกินอาหารตามงานเลี้ยง หาพลาสติคมาปูขาย ทำตัวเองให้ดูดีอย่างไร คอยบอกกับตัวเองแบบไหนว่า ชีวิตที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้แย่นักนะ แถมมีศัพท์แสงคำพูดเฉพาะกลุ่มอีกต่างหาก รวมความทั้งหมดแล้ว พวกเขาที่ไร้บ้านก็มิได้เป็นคนซึ่งมีความเป็นมนุษย์น้อยไปกว่าพวกเราๆเลย
โลกของคนไร้บ้าน โดย บุญเลิศ วิเศษปรีชา จะบอกให้ผู้อ่านเข้าใจว่า ทำไมพวกเขาเหล่านั้นจึงไม่กลับไป หาญาติพี่น้อง กลับไปหารากเหง้าครอบครัวที่ยังมี เพื่อเราจะได้เข้าใจคนร่วมสังคมที่ใช้ชีวิตแตกต่างไปได้ดีขึ้น
๐ หนังสือรวบรวมความเห็นของ อัลเบิร์ท ไอน์สไตน์ ที่มีต่อโลก และความเห็นที่โลกมีต่ออัจฉริยะบุคคลผู้นี้ เป็นหนังสือที่เก็บรวมความคิดหลากหลายไว้อย่างสมบูรณ์ด้วยเนื้อหา ที่จะช่วยให้เข้าใจและเห็นบุคลิกอันโดดเด่นของนักวิทยาศาสตร์ชั้นยอด โลกใบนี้เมื่อวันวาน ซึ่งมีนามของไอน์สไตน์เป็นผู้เขียนเอง แปลโดย ศักดิ์ บวร
ผู้อ่านจะได้เห็นไอน์สไตน์ที่ไม่เป็นเพียงนักวิชาการระดับเลิศ แต่เป็นคนมีเสน่ห์ น่าคบ มีไหวพริบ และเป็นนักสังเกตการณ์ที่เฉลียวฉลาด ยึดมั่นในความเป็นมนุษย์ และปรารถนายิ่งยวดที่จะเห็นสันติสุขเกิดขึ้นในโลก ภายใต้การช่วย เหลือเกื้อกูลกันและกัน พร้อมกับต้องการเห็นความก้าวหน้าทางวิชาการในระดับสูงยิ่งขึ้นด้วย น่าอ่าน
๐ พบ 7 วิธีคิดเพื่อรักตัวเองให้เป็น เห็นคุณค่าตัวเอง และรักตัวเองมากขึ้น หนังสือแปลจากเกาหลีที่ย้ำคำว่า ไม่มีผู้ใดเกิดมาสมบูรณ์แบบ เราเองก็ไม่สมบูรณ์แบบเหมือนกัน ดังนั้น จงรักในความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเอง เขียนโดย พระเฮมิน และแปลให้เข้าใจโดย อาสยา อภิชนางกูร ผู้เขียนเป็นบุคคลซึ่งมีอิทธิพลทางใจต่อชาวเกาหลีใต้มากที่สุดคนหนึ่ง ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน “300 ผู้นำยุคต่อไป” ได้รับการยกย่องให้เป็นพี่เลี้ยงทางจิตวิญญาณและเพื่อนของวัยรุ่น ทั้งยังได้รับคำชมจากนิตยสาร เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัลอีกด้วย
พระเฮมินเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อให้ทุกคนรักตัวเอง รักในความไม่สมบูรณ์แบบซึ่งมีกันทั่วทุกตัวคน จึงสามารถ พัฒนาตนเองด้วยความรักและใส่ใจตนเอง เช่นเดียวกับที่เผื่อแผ่ไปยังบุคคลอื่นด้วยความรักทำนองเดียวกัน
เป็นหนังสือนำทาง ที่ช่วยให้ยอมรับความเป็นจริง เป็นกำลังใจ และเป็นคู่คิด ให้ฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามชีวิต
๐ เด็กๆเกิดตามกันมาทุกวัน การเรียนรู้ของเด็กปัจจุบันยิ่งจำเป็นมากกว่าแต่ก่อน เมื่อการศึกษาต้องแข่งขัน ทำ อย่างไรลูกๆจึงจะอยู่ในสังคมบีบรัดและเร่งรีบอย่างมีสุขตามอัตภาพได้ในโลกดิจิตัลเดี๋ยวนี้ ต้องช่วยกันฝึกทักษะนานา
เกมระบายสีสร้างอัจฉริยะ ฝึกทักษะการสังเกตเพิ่มสมาธิ หนังสือเกมสนุกสำหรับเด็กสามขวบขึ้น กระตุ้น พัฒนาการของกล้ามเนื้อตา กล้ามเนื้อมือ สร้างความเข้าใจไปพร้อมกับการเรียนรู้ ทุกวันนี้ต้องวางฐานกันให้มั่นคง
๐ มากับฉบับน่านเจอนีย์ นิตยสาร อะ เดย์ ว่าด้วยเมืองน่าน บันทึกการเดินทางไปพบศิลปวัฒนธรรม กาแฟ และสิ่งแวดล้อม แบบน่านนิยม กาลครั้งหนึ่งน่านมาแล้ว อยู่แบบนี้ไปน่านๆ กิจการน่านโน่นนี่ จงรักษาความน่าน ดุจเกลือรักษาความเค็ม บริหารเงินฉบับคนน่าน เธอเห็นท้องฟ้าน่านไหม ฯลฯ อ่านเพลินไปเลยเหมือนกัน
๐ มาด้วยพายุในถ้วยชา มติชนสุดสัปดาห์ วิวาทะอยู่ไม่เป็น ดาหน้าสวด ชวนคนลงถนน อ่านกองทัพผนึกรัฐบาล ถอดรหัสอันตราย สัญญาณจากนายกฯ และอนาคตใหม่ไม่ได้มีปัญหาเพราะอยู่ไม่เป็น
อ่าน 30 ปีกำแพงเบอร์ลินล่มสลาย ตามด้วยพุทธ พราหมณ์ ผี หรือผี พราหมณ์ พุทธ ก่อนจบด้วยผู้มีอำนาจ อยู่สบาย ประชาชนอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ
บ้านเมืองเรา ต้องใส่ใจติดตาม.
…
บรรณาลักษณ์