ตู้หนังสือ : โลกสามศูนย์ ถ้าทำได้หลังจากนี้

ไวรัสอันตรายยังระบาดครึกโครมอยู่ในยุโรปและสหรัฐ ขณะเอเชียกับอุษาคเณย์ก็ยังไม่พ้นภัย แต่เราชาวไทยต้องปรบมือชื่นชมกับการมานะสู้โรคของรัฐ​ ซึ่งมีแพทย์ พยาบาล และผู้เชี่ยวชาญนานา เป็นด่านหน้าคอยปะทะ ขณะที่พลเมืองทั้งหลายก็ร่วมมือกันตอบสนองนโยบาย ทำให้จำนวนคนไข้เพิ่มใน 4 วันที่ผ่านมา (ถึง 9 เม.ย.) อยู่ที่ระดับ 50+ 30+ 111+ 50 + ซึ่งยังต้องระแวดระวังควบคุมตัวเองกันต่อไป

​อย่าเพิ่งวางใจ อย่าเพิ่งดีใจ อย่าประมาท

​แต่สมควรต้องภาคภูมิใจในตัวเองได้บ้าง ที่เป็นประเทศซึ่งรับมือกับโรคได้พอเป็นเอกภาพ

​และอย่าลืมความเป็นเอกภาพนี้ไป เวลาลำบากเช่นนี้เป็นเวลาของสำนึกส่วนรวม เช่นที่เข้าใจกัน มิใช่เวลาของปัจเจกทิฏฐิ

Advertisement

รับมือกับโรคไป อยู่บ้านอ่านหนังสือไป ช่วยแบ่งความสนใจไปจากการหมกมุ่นกับโรคได้บ้าง

​๐ สภาพหลังจากโรคระบาดผ่านไป จะเป็นอย่างไร มีการคาดหมายล่วงหน้ามาแล้วหลายสำนัก ที่ประเมินว่าสถานะเศรษฐกิจแต่ละประเทศจะเสียหายขนาดไหน ยิ่งปัจจุบันที่อุตสาหกรรมผูกพันกันทั่ว เช่นเหตุการณ์ในจีนซึ่งกระทบผู้ใช้สินค้าหลายประเภทเกือบทั้งโลก ย่อมเกิดสภาวะยากลำบากไปช่วงหนึ่ง

​แต่อย่าลืมเช่นเดียวกันว่า หากไร้ชีวิต ที่ไหนจะมีผู้คนบุคลากรมาฟื้นฟูเศรษฐกิจ

​ดังนั้น ชีวิตประชากรจึงต้องมาก่อนเศรษฐกิจ มิใช่สับสนไปห่วงเศรษฐกิจก่อนชีวิตมนุษย์

อ่านงานของเจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพน่าจะดี โดยเฉพาะเป็นผู้ก่อตั้งธนาคารคนจนเสียอีกด้วย
​ใช่แล้ว มูฮัมหมัด ยูนุส ผู้มากับความคิดที่มิได้เน้นความมั่งคั่งส่วนบุคคล กับการเติบโตแบบไร้ขีดจำกัดอีกต่อไป โลกรับความคิดและปฏิบัติทุนนิยมลักษณะนี้ไม่ไหวแล้ว เช่นที่ มหาตมะคานธี เคยกล่าวไว้ว่า โลกมีทรัพยากรพอสำหรับทุกคน แต่ไม่พอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว

​ยูนุสเจ้าของงาน นายธนาคารคนจน กับ สร้างโลกไร้จน มาคราวนี้กับ โลกสามศูนย์ หรือ A World of Three Zeros (อะ เวิร์ลด์ ออฟ ธรี ซีโรส์) บอกทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ด้วยระบบใหม่
เพราะนี่คือโจทย์ท้าทายมนุษย์ศตวรรษที่ 21 อย่างที่สุด หากไม่อยากให้เป็นศตวรรษสุดท้าย
เพื่อทำให้ความยากจนเป็นศูนย์ การว่างงานเป็นศูนย์ และมลภาวะเป็นศูนย์

ลองอ่านความคิด 4 ภาคของนักคิดเพื่อเพื่อนมนุษย์ผู้นี้ ภาคความท้าทาย ว่าด้วยความล้มเหลวของทุนนิยม กับอารยธรรมใหม่ของเศรษฐศาสตร์ทวนกระแสของธุรกิจเชิงสังคม

ภาคเลขศูนย์ทั้งสาม ยุติความเหลื่อมล้ำทางรายได้ มนุษย์ไม่ใช่คนหางาน แต่เป็นผู้สร้างงาน การปล่อยกาซคาร์บอนเป็นศูนย์ และเส้นทางสู่อนาคตที่ดีกว่า

ภาคพลานุภาพพลิกโฉมหน้าโลก เสริมพลังและอำนาจแก่ประชากรวัยเยาว์ เทคโนโลยีปลดปล่อยพลัง วิทยาศาสตร์เพื่อปลดแอกปวงชน และภาคบันไดสู่อนาคต โครงสร้างกฎหมาย และการเงินที่เราต้องการ กับการออกแบบโลกวันพรุ่งนี้เสียใหม่

นี่มิใช่หนังสือที่เราทุกคนควรอ่านหรือ มิใช่โลกที่เราต้องการหรอกหรือ

ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ แปลให้อ่านง่ายๆ
๐ นอกจากจีนซึ่งมีความเชื่ออันเป็นที่คุ้นเคยต่อความคิดและสายตาของชาวไทยแล้ว ยังมีคริสต์กับมุสลิมที่เป็นความเชื่อใกล้ชิดและคุ้นเคยอีกสองศาสนา ซึ่งนอกจากจะใกล้ชิดทางด้านภูมิศาสตร์ของผู้คนในดินแดนภาคใต้ อันเป็นแหลมมลายูแล้ว การติดต่อจากยุโรปแดนไกลก็เริ่มมาแต่สมัยอยุธยาที่ย้อนไปได้ลึกๆ

คราวนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวของคนไม่น้อย ที่อาจเคยผ่านเคยเห็น คริสตศิลป์กระจกสี โบสถ์คริสต์ในไทย ซึ่งค้นคว้าเขียนโดย ปติสร เพ็ญสุต ที่จะช่วยให้เข้าใจเพื่อนคริสต์กระจ่างขึ้น

จากกระจกสีสมัยโรมันที่ใช้ในเคหสถานชนชั้นสูง ครั้นชนชั้นสูงเป็นคริสเตียน กระจกสีจึงได้นำไปใช้ในโบสถ์ด้วย โดยประดิษฐ์เป็นภาพพระเยซู ภาพพระราชกิจ และภาพนักบุญต่างๆ

และจากหนังสือเล่มนี้ โบสถ์คริสต์หลังหนึ่งในบริเวณบ้านหลวงรับราชทูต(บ้านวิชาเยนทร์) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรับบาทหลวงคณะเยซูอิตจากฝรั่งเศส ที่สร้างแบบไทยแต่แตกแต่งด้วยศิลปแบบบาโรค และปัจจุบันทรุดโทรมไปมากแล้วนั้น เหนือกรอบประตู มีช่องวงกลมให้เห็นอยู่

ผู้เขียนสันนิษฐานว่า ช่องกลมนี้แต่เดิมอาจประดับกระจกสีทรงกลม “โรส วินโดว์” (rose window) ที่เป็นรูปแบบตกแต่งโบสถ์คริสต์ซึ่งนิยมกันทั่วไปในยุโรป หากเป็นเช่นนั้น นี่คือหลักฐานกระจกสีซึ่งเก่าที่สุดที่พบในสยาม

หนังสือซึ่งเนื้อหาแน่นปึ้ก ภาพสีงดงามทั้งเล่มนี้ บอกละเอียดตั้งแต่ประวัติกระจกสี คริสต์ประวัติสังเขป กระจกสีในไทย แล้วเริ่มกล่าวถึงกระจกสีวัดคอนเซ็ปชัญ กับสี่นักบุญและดวงอาทิตย์

จากนั้นเป็นกระจกสีวัดนักบุญฟรังซิส เซเวียร์ สามเสน กับนักบุญและบรรดาอัครสาวกนับสิบ

กระจกสีวัดนักบุญยอแซฟ อยุธยา ภาพก่อตั้งวัด พระสังฆราชหลุยส์ เวย์ พระสันตปาปา ปิอุสที่ 9 และภาพสำคัญน่ารู้น่าสนใจอีกมาก กระจกสีวัดพระคริสตหฤทัย ราชบุรี กระจกสีวัดอัครเทวดามีคาแอล ดอนกระเบื้อง ราชบุรี อาสนวิหารพระแม่บังเกิด สมุทรสงคราม อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล จันทบุรี ซึ่งแต่ละแห่งยังมีรายละเอียดน่าเรียนรู้เช่นเดียวกับเรียนพุทธประวัติ ของพระสันตปาปา และนักบุญเรืองนามอีกหลายองค์

เป็นหนังสือเกี่ยวกับเพื่อนคริสต์ที่ทรงคุณค่าเล่มหนึ่งทีเดียว


๐ ไหนๆก็ไหนๆ เรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่แสวงเทพแห่งโชคลาภเพื่อบูชา จะขัดข้องขัดขืนไปทำไม จึงขอเสนอ ทิพยประติมา ซึ่งค้นคว้ามาเพื่อเป็นความรู้แก่ผู้สนใจโดย อรุณศักดิ์ กิ่งมณี

หนังสือซึ่งให้ที่มา ประวัติ ความหมาย คติ ความเชื่อ ข้อมูลโบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลป และรูปลักษณ์ประติมากรรมของ “เทพแห่งโชคลาภ” ซึ่งปรากฏในศานาพุทธ​ ฮินดู และความเชื่อท้องถิ่น 14 องค์ ที่ได้รับความนิยมในไทยและในภูมิภาคเอเชีย พร้อมภาพประกอบน่าชมจำนวนมาก

เทพเหล่านี้ได้แก่ พระสีวลี พระอุปคุต พระบัวเข็ม พระสังกัจจายน์ พระกุเวร พระลักษมี พระพลเทพ โป๊ยเซียน ไฉ่ซิ่งเอี้ย กวนอู นางกวัก แม่โพสพ พระแม่ธรณี และเจ้าแห่งโชคลาภทั้ง 7 ของญี่ปุ่น

อย่างน้อยได้รู้จักเพิ่มขึ้นหลายองค์ เพิ่มการรู้รอบได้อีกมาก เพราะอย่างน้อยๆ ความเชื่อถือเรื่องเหล่านี้มิได้อยู่ๆเกิดขึ้นมาเอง แต่ย่อมเกิดจากที่มาอันทรงคุณของเทพทั้งหลายเป็นเหตุ


๐ เมื่ออ่านเทพแห่งโชคลาภแล้ว ก็ควรรู้อีกเรื่องสำคัญในพระพุทธศาสนา คือเรื่องสตรีในพระศาสนา แต่วันนี้ยังไม่ถกกันเรื่องภิกษุณี แต่อยากให้รู้เรื่อง 7 มหาสาวิกา ในพระศาสนาให้ถ่องแท้ก่อน เพื่อเข้าใจว่า มนุษย์นั้นศักยภาพเสมอกัน อ่านเรื่องสตรีที่นำทางสว่างแก่สตรีทั่วโลกมานานกว่าสองพันปี

เพื่อรู้ว่า ไม่ว่าเพศใด หรือผิดพลาดประการใดมา แต่เมื่อพัฒนาคุณธรรมถึงขีดสุดแล้ว ย่อมเสมอกัน

ในอดีตชาติทั้ง 7 นางเคยเกิดเป็นพี่น้องกัน ครั้นยุคพระสมณโคดม ก็เกิดมาพบกันอีก ทั้งเจ็ดเคยทำทั้งกุศลสูงส่งและบาปมหันต์ ทั้งหนีตามชาย ถูกข่มขืน ลูกและสามีเสียชีวิต พ่อสามีไม่ชอบ ท้าทายพระอรหันต์ ฯลฯ แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็สามารถตั้งใจพลิกชีวิต บรรลุธรรมได้

พระพุทธองค์ทรงยกย่องทั้ง 7 ว่าเป็นเลิศด้านต่างๆ พระเขมาเถรี เป็นเลิศด้านปัญญา, พระอุบลวรรณาเถรี เป็นเลิศด้านฤทธิ์, พระปฏาจาเถรี เป็นเลิศด้านวินัย, พระภัททากุณฑลเกสีเถรี เป็นเลิศด้านตรัสรู้เร็ว, พระกิสาโคตมีเถรี เป็นเลิศด้านครองจีวรเศร้าหมอง, พระธรรมทินนาเถรี เป็นเลิศด้านแสดงธรรม และนางวิสาขามหาอุบาสิกา น้องสุดท้อง เป็นเลิศด้านถวายทาน

ต้องอ่านสนุกและซาบซึ้งไปด้วยแน่นอน


๐ สุดท้ายประจำสัปดาห์ มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับกู้ค่ะ หนูชื่อกู้ มากับต้น มากับดอก อ่าน เจน_นุ่น_โบว์ แรงทะลุโควิด กลับจาก 10 ปีก่อน ทวงความดังชั่วข้ามคืน และพลาดไม่ได้ เหตุเกิดที่ “เคแบงก์” บัณฑูร ล่ำซำ วางมือสายฟ้าแลบ ท่ามกลางกระแสข่าวลือ

โควิดรุมเร้า การเมืองเร่าร้อน ชุดตรวจแผลงฤทธิ์ ร้องสอบชุลมุน

เจ้าพระคุณเอ๋ย หน้าสิ่วหน้าขวาน คนจะเป็นจะตายรอมร่อ ยังทำเรื่องให้สอบกันอีก หวังว่าคนเกี่ยวข้องคงไม่หมดกำลังใจ เห็นแก่เพื่อนไทยทั้งประเทศที่ยังต้องพึ่งพา เดินหน้าไปให้ได้

และขอให้ทุกคนแคล้วคลาดจากโควิด แต่ที่ต้องติดตะรางน่ะ ติดหรือเปล่า

——————————————
บรรณาลักษณ์

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image